breaking news

แพทย์ชี้ เซ็กซ์ทอยไม่ใช่แค่อุปกรณ์ทางเพศ แต่กฎหมายไทยยังตีกรอบผิดศีลธรรม

กรกฎาคม 2nd, 2018 | by administrator
แพทย์ชี้ เซ็กซ์ทอยไม่ใช่แค่อุปกรณ์ทางเพศ แต่กฎหมายไทยยังตีกรอบผิดศีลธรรม
Special Report
0

โฆษกแพทยสภาเผยเซ็กซ์ทอยไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์เพิ่มความสุขทางเพศ แต่ทางการแพทย์สามารถใช้เพื่อบำบัดบุคลิกภาพและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ขณะที่กลุ่มขับเคลื่อนรณรงค์ให้เซ็กซ์ทอยเป็นสินค้าควบคุมพิเศษเพื่อใช้ประโยชน์ได้ด้านที่ปรึกษากฎหมายลั่นหากเซ็กซ์ทอยสามารถใช้ประโยชน์ได้จริงจะต้องพิจารณาร่างกฎหมายรองรับต่อไป

อุปกรณ์เพิ่มความสุขทางเพศหรือ “เซ็กซ์ทอย(Sextoy)” ถือเป็นสิ่งที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าลามกอนาจารหรือสินค้าที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นเซ็กซ์ทอยจึงเป็นสินค้าที่ไม่สามารถมีไว้ในครอบครองหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายได้ แต่ปัจจุบันกลับมีการขายสินค้าประเภทนี้กันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นตามแหล่งขายสินค้าต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนทุกเพศที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงร้านขายเซ็กซ์ทอยออนไลน์ต่าง ๆ ที่มีการขายกันอย่างโจ่งแจ้งไม่เกรงใจผู้บังคับใช้กฎหมายในประเทศกันเลยทีเดียว

“เซ็กซ์ทอย” ถูกจัดเป็นสินค้าผิดกฎหมาย และผู้ใช้ยังถูกตราหน้าว่าเป็นสิ่งที่ทำลายศีลธรรมอันดีที่มีมาอย่างยาวนาน แต่หากมองอีกมุมหนึ่งเชื่อว่าหลายๆคนก็คงยังมีคำถามที่ซุกซ่อนอยู่ภายในใจว่า…เซ็กซ์ทอยเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมเสื่อมโทรมลง…จริงหรือ? หรือสินค้าประเภทนี้เป็นเพียงแพะรับบาปของสังคมที่ยังไม่เปิดกว้างในเรื่องของเพศสัมพันธ์ หรือ Sex life กันแน่…

เซ็กซ์ทอยกับประโยชน์ที่มากกว่าความสุขทางเพศ

แพทย์หญิงชัญวลี ศรีสุโข สูตินรีแพทย์เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลพิจิตรและโฆษกแพทยสภา เปิดเผยว่า การใช้เซ็กซ์ทอยหรืออุปกรณ์เพื่อเพิ่มความสุข ทางเพศนี้เรียกได้ว่าเป็นการช่วยเหลือตนเองหรือการ สำเร็จความใคร่อีกวิธีหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเรื่องเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ผิดปกติแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องมีการใช้อย่างถูก ต้องและถูกกาลเทศะเท่านั้น

แต่หากมองในด้านของสังคมคงต้องยอมรับว่าสังคมไทยยังคงมีความคิดและความเชื่อที่ว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ มีศาสนารวมถึงวัฒนธรรมอันดีต่าง ๆ ที่ยึดถือและปฏิบัติสืบต่อกันมา จึงไม่ควรให้การสนับสนุนเรื่องการใช้เซ็กซ์ทอยมากนัก ทั้งนี้ในสังคมไทยก็มีทั้งกลุ่มคนที่ยังไม่ยอมรับและกลุ่มคนที่ยอมรับและมองว่าเซ็กซ์ทอยเป็นเพียงอุปกรณ์อย่างหนึ่งเท่านั้น ซึ่งความคิดเห็นและมุมมองของคนในสังคมก็จะแตกต่างกันออกไปตามช่วงอายุ และทัศนคติที่มีต่อเซ็กซ์ทอยหรืออุปกรณ์เพิ่มความสุขทางเพศ

แพทย์หญิงชัญวลี ยังได้กล่าวถึงประโยชน์ของเซ็กซ์ทอยเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากจะช่วยลดอัตราการเกิดอาชญากรรมทางเพศในสังคมได้แล้ว ยังมีประโยชน์ในแง่ของการสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวหรือชีวิตคู่ได้อีกด้วย เพราะในปัจจุบันมีอัตราการเลิกราหรือหย่าร้างกันของคู่สามีภรรยาเกิดจากปัญหาเรื่องรสนิยมที่ไม่เข้ากันมากถึงร้อยละ 50 เลยทีเดียว แต่ในความจริงแล้วนั้น ปัญหาหลักที่ทำให้เกิดการหย่าร้างกลับเกิดจากรสนิยม ทางเพศที่ไม่เข้ากัน แต่เนื่องจากสังคมที่ยังไม่เปิดกว้างใน เรื่องเพศทำให้ไม่มีการพูดถึงหรือยอมรับสาเหตุการหย่า ร้างข้อนี้มากนัก

“นอกจากนี้เซ็กซ์ทอยยังถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องบุคลิกภาพ รวมไปถึงนำไปใช้เติมเต็มในเรื่องของความสุขทางเพศของผู้ที่มีความผิดปกติทางด้านร่างกายหรือผู้ที่บุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศทั้งยังสามารถลดปัญหาท้องไม่พร้อมในวัยรุ่นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากเซ็กซ์ทอยได้ แต่การใช้อย่างถูกวิธีก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เช่นกัน”

ด้าน นายเอ (นามสมมติ) เจ้าของร้านของเล่นผู้ใหญ่หรือเจ้าของร้านเซ็กซ์ทอยออนไลน์ กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า ในความเป็นจริงแล้วเซ็กซ์ทอยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการลดการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในแง่ของสังคม เพราะสินค้าประเภทนี้สามารถช่วยลดอัตราการก่ออาชญากรรมทางเพศและการค้าบริการอีกด้วย

“ เซ็กซ์ทอยไม่ควรถูกมองสิ่งที่ช่วยเพิ่มความสุขทางเพศแต่ควรถูกมองเป็นสิ่งที่สามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ”

ทนายวิรัช หวังปิติพาณิชย์ ที่ปรึกษากฎหมายและทนายความอิสระ กล่าวว่าเซ็กซ์ทอยถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทยโดยมีประมวลกฎหมายออกมาหลายข้อด้วยกันทั้งในเรื่องของกฎหมายเป็นวัตถุลามกเป็นของต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติศุลกากรพุทธศักราช 2560 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287 ที่ว่าด้วยเรื่องการนำเข้า เผยแพร่ ประกอบการค้าหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งลามกอนาจารดังกล่าว ซึ่งจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้านคุณนิศารัตน์และแพทย์หญิงชัญวลี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า แม้เซ็กซ์ทอยจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่หากประเทศไทยสามารถปรับเปลี่ยนหรือสนับสนุนให้สินค้าอย่างเซ็กซ์ทอยหรืออุปกรณ์เพิ่มความสุขทางเพศเป็นสิ่งถูกกฎหมายได้ จะช่วยให้สามารถควบคุมการขายรวมถึงคุณภาพ มาตรฐานและความสะอาดของสินค้า เพราะแม้ว่าในปัจจุบันจะมีร้านขายของเล่นผู้ใหญ่จำนวนมากแต่ก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถรับประกันได้ว่าสินค้าที่ขายกันอยู่โดยทั่วไปนั้นได้มาตรฐานและมีคุณภาพมากเพียงใดรวมถึงสินค้าที่ขายกันอยู่ในทุกวันนี้นั้นจะไม่มีผลข้างเคียงหรืออันตรายใดๆ ต่อผู้ใช้งาน ดังนั้นการทำให้เซ็กซ์ทอยเป็นสิ่งถูกกฎหมายและการกำหนดอายุของบุคคลที่เข้าถึงสินค้าประเภทนี้ก็ถือเป็นการป้องกันผู้บริโภคอีกช่องทางหนึ่งด้วย แต่ในขณะเดียวกันนอกจากเรื่องของกฎหมายแล้วผู้ที่ใช้เองก็ต้องมีวุฒิภาวะในการเลือกใช้สินค้าที่จะไม่มีอันตรายต่อตนเองด้วย

อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีการผลักดันให้มีการ แก้ไขกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องสิ่งของลามกอนาจาร และจัด เซ็กซ์ทอยให้อยู่ในหมวดหมู่ของสินค้าควบคุมพิเศษหรือ ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์แทน หากสามารถทำได้สำเร็จ ในประเทศไทยก็อาจจะมีกฎหมายสำหรับควบคุมสินค้าประเภทนี้โดยเฉพาะ ผู้ที่ต้องการขายสินค้าจะต้องมีการลงทะเบียนอย่างถูกต้อง และหากต้องการที่จะเปิดร้าน คุณภาพของสินค้าต้องอยู่ในระดับไหน ร้านที่จะเปิดจะต้องออกมาในรูปแบบใด แต่การจะผลักดันให้เรื่องนี้สำเร็จได้นั้น แน่นอนว่าก็ต้องอาศัยการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล สถาบันการศึกษารวมไปถึงสื่อมวลชนที่ต้องเรียนรู้ในการนำเสนอข่าวที่ปราศจากอคติและไม่มีการชี้นำความคิดของคนในสังคม รวมถึงการนำเสนอภาพลักษณ์ของเซ็กซ์ทอยในมุมมองที่ต่างออกไปด้วย

สำหรับการออกกฎหมายรองรับเรื่องเกี่ยวกับเซ็กซ์ทอยหรือสิ่งลามกอนาจารต่าง ๆ รวมถึงการเปิดกว้างและยอมรับของคนในสังคมนั้น ได้มีงานวิจัยที่ศึกษาแล้วพบว่า การทำให้สินค้าเหล่านี้เป็นสิ่งถูกกฎหมายส่งผลให้เกิดข้อดีต่อคนในสังคมมากกว่าข้อเสีย อย่างงานวิจัยเมื่อปีพ.ศ.2553 ของ Milton Diamond และเพื่อนร่วมทีม จากมหาวิทยาลัยฮาวาย (University of Hawaii)ที่ได้ทำการศึกษาอัตราของอาชญากรรมทางเพศในสาธารณรัฐเช็คก่อนที่จะปรับเปลี่ยนการปกครองเข้าสู่

“ แม้ว่าในปัจจุบันยังไม่มีก ฎ ห ม า ย ร อ ง รับ เ รื่อ งการใช้เซ็กซ์ทอย แต่หากสินค้าประเภทนี้ช่วยลดอาชญากรรมทางเพศได้ก็ต้องมีการผลักดันและสนับสนุนด้านกฎหมายกันต่อไป ”

ระบอบประชาธิปไตยที่มีการตรากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการยอมรับ การเปิดกว้างเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารและการแสดงออกทางเพศงานวิจัยดังกล่าวระบุว่า ในปีพ. ศ. 2491 – 2532เรื่องของเซ็กซ์และสื่อลามกอนาจารต่าง ๆ ยังถือเป็นสิ่งต้องห้าม จากการศึกษาข้อมูลพบว่าอัตราของอาชญากรรมทางเพศที่เกิดกับเยาวชนอายุ 15-18 ปี มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จึงสรุปได้ว่าการถูกจำกัดการแสดงออกทางเพศหรือรสนิยมทางเพศถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการก่ออาชญากรรมทางเพศ และจากข้อมูลยังพบอีกด้วยว่าประเทศเดนมาร์ก และญี่ปุ่นเองก็มีสถานการณ์ของอาชญากรรมทางเพศที่คล้ายคลึงกันแต่หลังจากปีพ.ศ. 2533 ที่สาธารณรัฐเช็คมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองและได้ทำการตรากฎหมายที่รองรับให้สื่อลามกอนาจารเป็นสิ่งถูกกฎหมายพบว่า อัตราการก่ออาชญากรรมทางเพศลดลงกว่าในช่วงปีที่สื่อลามกอนาจาร และการแสดงออกทางเพศไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอย่างเห็นได้ชัด

ทนายวิรัชกล่าวเสริมในประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายว่า ในปัจจุบันกฎหมายที่ใช้ยังถือว่าไม่เปิดกว้างในเรื่องของเพศหรือการใช้เซ็กซ์ทอยมากนัก ทำให้อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่ตามความเหมาะสม เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและทัศนคติของคนในยุคปัจจุบันแต่สำหรับตอนนี้ประเทศไทยยังไม่มีการยอมรับและเปิดกว้างในเรื่องของเพศหรือการใช้สินค้าประเภทอุปกรณ์เพิ่มความสุขทางเพศมากนัก นอกจากนี้กฎหมายที่มีการตราขึ้นเองก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเราต้องเคารพกฎหมายและกรอบศีลธรรมรวมถึงค่านิยมของสังคมไทยในยุคปัจจุบันส่วนประเด็นของเซ็กซ์ทอยที่สามารถช่วยลดอัตราปัญหาอาชญากรรมทางเพศได้นั้นก็คงจะต้องมีการสนับสนุนและผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายกันต่อไป

สำหรับข้อถกเถียงในแง่ของกฎหมายว่าประเทศไทยจะมีปรับเปลี่ยนหรือทำการตรากฎหมายขึ้นมาใหม่หรือไม่ และผลตอบรับจากคนในสังคมจะออกมาในรูปแบบใด จะมีผลตอบรับในเชิงบวกหรือลบมากกว่ากันนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดและจำเป็นต้องมีในขั้นตอนและกระบวนการเตรียมร่างกฎหมายทุกฉบับ คือ การทำประชาพิจารณ์ หรือการรับฟังความคิดเห็นของคนในสังคมที่มีต่อเรื่องนั้นๆ เพราะฉะนั้นจึงสามารถมั่นใจได้พอสมควรว่าการผลักดันให้มีการแก้กฎหมายว่าด้วยเรื่องของสิ่งลามกอนาจารหรือเซ็กซ์ทอยเองก็ต้องผ่านขั้นตอนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะสำหรับประเทศที่มีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือความคิดเห็นและมุมมองของคนในสังคม

Share This:

Comments are closed.