breaking news

เปิดตำรา! นักลงทุน หมุนงบ first jobber

มกราคม 31st, 2021 | by administrator
เปิดตำรา! นักลงทุน หมุนงบ first jobber
Money Wise
0

การลงทุนคือ การที่เราใช้จ่ายเงินรูปแบบหนึ่ง โดยมุ่งหวังจะได้รับผลตอบแทนในอนาคต ซึ่งผู้ลงทุนเชื่อว่าผลตอบแทนส่วนที่จะได้รับคืนนั้น จะสามารถชดเชยอัตราความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างคุ้มค่า แต่ทุกการลงทุนก็ย่อมมีความเสี่ยงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหากต้องการที่จะลงทุนแล้วก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะตามมาให้ได้ ยิ่งผลตอบแทนสูงมากเพียงใดความเสียงก็จะสูงตาม

ผู้คนเริ่มหันมาสนใจเรื่องการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นอีกช่องทางที่ใช้ในการออมเงิน ซึ่งคุณวสุรัตน์ ฟักแฟง นักออกแบบกราฟิก ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มีความชอบและสนใจเรื่องของการลงทุนตั้งแต่ตอนเรียน เพราะการที่ได้ฝึกงานทำให้เห็นถึงความยากลำบากในการที่จะได้เงินมา จึงเริ่มปรับเปลี่ยนความคิดเมื่อได้เงินก้อนแรกมา และเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองสามารถไปได้ไกลกว่าเดิมเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ และได้ศึกษาจากการฟังบรอดแคสต์ ดูคลิปวิดีโอใน YouTube  ว่าคนที่เขาประสบความสำเร็จได้เขามีวิธีหรือเทคนิคอะไร ซึ่งมีอยู่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันของทุกคนคือ พวกเขากล้าที่จะลงทุน สิ่งนี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้รู้สึกว่าอยากจะลงทุน 

เรื่องของการลงทุนมีอยู่เยอะมาก คุณศิวกร ศิริสุนทรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวลดันโฮม จำกัด  และบริษัท ช้อปครับ 2020 จำกัด ให้ข้อมูลว่า แต่ถ้าพูดถึง first jobber หรือเด็กวัยรุ่นอายุ 22–25 ปีที่เพิ่งจบการศึกษาแล้วผันตัวเองมาเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัว มีเงินเดือนเลี้ยงชีพตัวเองได้แล้ว ที่สามารถลงทุนได้ ก็มีหุ้น ซึ่งในตลาดทางการเงิน หุ้นเป็นหน่วยที่ใช้กับกองทุนรวม ห้างหุ้นส่วนจำกัด และความไว้วางใจในการลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์  ส่วนอสังหาริมทรัพย์ ในทางกฎหมาย ได้แก่ที่ดิน และทรัพย์สินอื่นที่ติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวรหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้น ตราสารหนี้ จะเป็นหุ้นกู้ต่างๆ คือ ได้ดอกเบี้ยขึ้นมาเหมือนปล่อยกู้เท่านั้นเอง แต่เป็นการปล่อยกู้ในระบบให้กับทางบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนั้นก็มีสลากออมทรัพย์ ทองคำ คริปโต หรือสกุลเงินคริปโตก็คือ เหรียญดิจิทัลที่ออกแบบขึ้นเพื่อใช้แลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลในการทำธุรกรรมเสมือนจริง ที่อยู่ในฐานะของข้อมูลไม่ใช่วัตถุจริง และอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าตราสารอนุพันธ์ ซึ่งตราสารอนุพันธ์ เป็นตราสารทางการเงินประเภทหนึ่ง ที่มูลค่าของตราสารจะขึ้นอยู่กับกระแสเงินของสินทรัพย์อ้างอิง ไม่ได้มีค่าจากกระแสเงินของตัวตราสารเองโดยตรง จะคล้ายๆ คริปโตกับ bitcoin ที่เป็นเงินตราแบบดิจิทัล และเป็นระบบการชำระเงินที่ใช้กันทั่วโลกที่ใช้ระบบกระจายอำนาจ โดยไม่มีธนาคารกลางหรือแม้แต่ผู้คุมระบบ คือ จะมีความเสี่ยงสูงเหมือนกับสามารถที่จะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติ เช่น หากมีเงินลงทุน 100,000 บาทแต่เราอาจจะได้ถึง 300,000 , 500,000 หรือ 1,000,000 บาทได้ แต่ก็จะมีความเสี่ยงสูงมาก

ความเสี่ยงในการลงทุน

“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน” เป็นประโยคที่คนส่วนใหญ่คงเคยได้ยิน และแน่นอนว่าการลงทุนกับความเสี่ยงนับว่าเป็นของคู่กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งการลงทุนนั้นได้รับการตอบแทนสูงเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็สูงตามเป็นเงาตามตัวเท่านั้น 

คุณวสุรัตน์ บอกว่าตนได้เริ่มต้นการลงทุนตอนเรียนอยู่ปี 1 โดยเริ่มจาก Olymp Trade (โอลิม เทรด) ก็คือ โบรกเกอร์หนึ่งที่ให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดในรูปแบบต่างๆ เป็นอย่างแรกแต่ก็ไม่เข้าใจในการดูกราฟว่ามันเป็นอย่างไร แต่เมื่อได้ลองใส่เงินเพื่อเทรดครั้งแรกก็พบว่ามันได้เงินกลับมาจริงๆ จึงได้ลงทุนเพิ่มไปประมาณ 7,000 บาท แต่สุดท้ายก็เสียทั้งหมดทำให้ตัดสินใจหยุดเล่น Olymp Trade หลังจากนั้นช่วงปี 2 ได้เปลี่ยนมาเข้าสู่การลงทุนในธุรกิจเครือข่ายและได้ลงทุนของ OD Capital (โอดี แคปปิตอล) ก็คือ การระดมทุนที่มีชื่อเสียงอยู่ในโลกโซเชียล เป็นลักษณะของการระดมทุน โดยอ้างว่าเงินที่ระดมทุนได้ขะนำไปลงทุนในกิจการที่ต่างประเทศต่อ มีการันตีผลตอบแทนที่สูงและหากชวนคนมาลงทุนได้จะได้ค่าคอมมิชชันเพิ่มอีก ซึ่งเป็นการลงทุนแบบลูกโซ่ โดยการลงทุนกับธุรกิจต่างประเทศ ได้ผลตอบแทนประมาณ 10% ถ้าหาคนมาลงทุนได้ก็จะได้ค่า Commission Fee หรือส่วนแบ่งจากการหาคน เมื่อลงทุนไปเดือนแรกประมาณ 30,000 บาท แล้วได้คืนมามากกว่า 10% อยากรู้ว่าธุรกิจมีจริงไหมจึงบินไปถึงมาเลเซียเพื่อไปดูธุรกิจจริงๆ ช่วงนั้นได้เงินมาเยอะมากและใช้เงินแบบสิ้นเปลือง เพราะเงินไหลมาตลอด จนมาถึงช่วงหนึ่งมีการขอเงินจากทางบ้านมาอีก 70,000 บาท รวมแล้วทั้งหมดที่ลงทุนไป 100,000 บาท ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้กำไรคืน และช่วงหลังเริ่มมีปัญหาเรื่องการโอนเงิน ไม่สามารถถอนเงินได้ จนผ่านมาประมาณหนึ่งเดือน มีข่าวเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ OD capital ออกมาและเขาก็ปิดเว็บไซด์ไป ทุนที่ลงไปทั้งหมดก็คือหายไปจึงหยุดลงทุนทุกอย่าง แต่ก็ยังศึกษาการลงทุนในด้านอื่นๆ ประมาณช่วงปี 3 เริ่มกลับมาตั้งต้นใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ลงทุนเกี่ยวกับกองทุนในระบบที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อประหยัดเงินของตัวเอง ครั้งนี้ลงทุนกับกองทุนเซ็ต 50 คือการลงทุนเงินไปแล้วจะมีคนมากระจายซื้อหุ้นตัวละ 50 ซึ่งเป็นช่วงที่ได้ฝึกงานอยู่ได้เงินเดือนประมาณ 8,000 บาท ก็เริ่มเก็บออมแล้วลงทุนกับกองทุนตลาดหุ้นดูบ้าง แต่ก็ยังรู้สึกว่าได้เงินไม่ทันใจ แล้วในช่วงนี้ก็ยังซื้อ Bitcoin ไว้เพื่อขายมาลงทุนกับตลาดหุ้น ได้มีการหาซื้อหนังสือมาอ่านเพื่อหาความรู้เข้าตัวเอง จะสังเกตได้ว่าแต่ละครั้งที่ลงทุนไม่มีความรู้เกี่ยวกับลงทุนเลย สิ่งเดียวที่มีคือเงิน จึงเริ่มมีการศึกษามากขึ้นซึ่งใจความสำคัญคือ ความรู้ สิ่งที่สำคัญในการลงทุนคือ “อย่าลงทุนกับอะไรที่เราไม่เข้าใจ” ทุกครั้งเวลาเกิดวิกฤตอะไรต่างๆ หุ้นจะตกและทุกครั้งที่หุ้นตกภายในหนนึ่งหรือสองปี หุ้นจะวิ่งกลับขึ้นไปและขึ้นสูงกว่าเดิม พอรู้สึกว่าจังหวะมันใช่บวกกับมีทุน จึงเริ่มลงทุนอีกรอบในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา

3 ขั้นตอนลงทุน ฉบับ First Jobber

ส่วนของเรื่อง bitcoin คุณศิวกร บอกอีกว่า bitcoin เป็นสิ่งที่สามารถเล่นได้ทุกคน แต่ถ้าจะเล่นต้องเป็นเงินก้อนที่สามารถยอมเสียได้ทั้งก้อน ถ้าหากยอมเสียไม่ได้ก็ไม่เหมาะสมที่จะนำไปเล่น bitcoin หากวัดจากเกณฑ์ความเสี่ยง bitcoin ถือว่าอยู่ในลำดับสูงสุด สูงกว่าอสังหาริมทรัพย์ เพราะว่ามันไปเร็ว มาเร็ว มีความเสี่ยงที่สุด พอสินทรัพย์อะไรที่มีความเสี่ยงสูงมากที่สุด เราจะต้องใส่เงินให้น้อยที่สุด ฉะนั้นต้องเป็นเงินที่ยอมเสียได้ทั้งก้อนแล้วไม่รู้สึกเสียดาย ถ้าหากหายไป 10,000 บาททั้งก้อนแล้วไม่เสียดาย ก็คือเงินที่เหมาะจะลงทุนใน bitcoin แต่ถ้าบอกว่า 10,000 เยอะเกินไป แสดงให้เห็นว่าอาจจะไม่เหมาะสมกับเรา แต่ถ้ายอมเสีย 100 ได้ 100 อาจจะเหมาะ แต่ก็ไม่ทำให้ผลตอบแทนของมันสูงแล้วจะคุ้มไหมในการเสียเวลาไปแลก

First Jobber จะลงทุน!

เรื่องของการลงทุนเป็นที่น่าสนใจมากในปัจจุบัน ทำให้ first jobber ต่างก็มีความสนใจอยากที่จะลงทุนบ้าง แต่จะลงทุนอะไร หรือลงทุนแบบไหน คุณศิวกร ได้ให้ข้อมูลว่า ถ้าพูดถึง first jobber อยากจะให้ลงทุนในความรู้ อย่าเพิ่งไปมองว่าจะไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือไปลงทุนหุ้น ให้ลงทุนในตัวเองก่อน ทำให้ตัวเองมีสกิล มีความเก่งขึ้นในแต่ละด้านที่เราสนใจให้เกิดความชำนาญ เพราะในเกมของการลงทุน จำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนเยอะในการที่จะให้เราเห็นผลได้ในเวลาอันรวดเร็ว หากมีเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่จำนวน 15,000-20,000 บาท ซึ่งรายได้ยังไม่เยอะมาก สมมุติเก็บได้เดือนละ 5,000 บาท แต่ 5,000 บาท อาจจะไม่ได้มีผลอะไรกับตลาดเลย ฉะนั้นยังไม่แนะนำให้ลงทุนในส่วนธุรกิจ เพราะถ้าหากยังสร้างธุรกิจด้วยเงินเป็นหลักไม่มีทางสร้างธุรกิจได้ เพราะธุรกิจจะเกิดขึ้นจากไอเดียไม่ได้เกิดขึ้นจากเม็ดเงิน

สำหรับมือใหม่ที่สนใจอาจจะเริ่มจากกองทุนก่อน เพราะถ้าจะหันมาทางด้านการลงทุน หากเรายังเลือกหุ้นไม่เป็นหรือยังทำใจกับการขาดทุนไม่ได้ แน่นอนว่ามีเจ็บหนักแน่นอน และไม่แนะนำให้เริ่มจากการเล่นหุ้น ที่อยากให้เริ่มจากกองทุนก่อนเพราะว่า กองทุนยังมีผู้บริหารกองทุนที่คอยจัดการให้แบบถ้าหุ้นตก เขาจะปรับเปลี่ยนให้ได้ คือมีคนที่มีประสบการณ์มาคอยบริหารให้เรา แล้วกองทุนก็จะแบ่งไปหลายประเภท เช่น หุ้น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ บางกองทุนเป็นแบบถือหุ้นยาว บางกองทุนก็เป็นแบบปันผล ทำให้ได้เงินแบ่งออกมาใช้ ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเงินทุนที่ลงทุนไป นอกจากนี้กองทุนจำพวกนี้สามารถเอาไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย และนี่ก็เป็นข้อดีของกองทุน แต่ถ้าหากเป็นการลงทุนกับหุ้นอย่างเดียวจะไม่มีการลดหย่อนให้ สำหรับมือใหม่แล้วควรที่จะเก็บเงิน 10% ของเงินเดือน เพื่อนำมาเก็บไว้หรือนำมาใช้ในการลงทุนต่อ


คุณศิวกร ศิริสุนทรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช้อปครับ 2020 จำกัด

การลงทุนเป็นอีกเรื่องที่ใกล้ตัวทุกคน เพียงแต่ว่าอาจจะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้มากพอ หรืออาจมีกำลังทรัพย์ไม่เยอะจึงไม่กล้าที่จะลงทุน ดังนั้นการศึกษาหาข้อมูล หาความรู้ในเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะอย่างน้อยหากวันหนึ่งอยากจะลงทุน ก็ไม่จำเป็นต้องไปเริ่มต้นศึกษาหาความรู้ใหม่ สามารถที่จะลงทุนโดยมีความรู้ความเข้าใจเป็นพื้นฐานแล้ว แต่นอกจากความรู้ก็ต้องสามารถยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับการลงทุนเช่นกัน หากใครสนใจที่จะเริ่มแล้วก็อย่ารอช้านะ

Share This:

Comments are closed.