breaking news

รู้หรือไม่? วงการฟุตบอลเป็นวงการที่มีการวิจารณ์ด้วยอารมณ์เยอะที่สุด!!!

พฤษภาคม 3rd, 2021 | by administrator
รู้หรือไม่? วงการฟุตบอลเป็นวงการที่มีการวิจารณ์ด้วยอารมณ์เยอะที่สุด!!!
สังคม
0

ทุก ๆ ที่ในโลกอินเทอร์เน็ตนั้นล้วนเต็มไปด้วยสถานที่ให้ผู้คนได้แสดงความคิดเห็น ได้แสดงตัวตน ได้แสดงทรรศนะกันอย่างแพร่หลาย มันจึงไม่แปลกเลยที่ทัศนะด้านดี และลบ มันจะผสมปนเปกันไปจนเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตมหาภัยอย่างที่หลาย ๆ คนได้รับรู้ และรับทราบกันมา และในวงการฟุตบอลเองก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นให้เห็นเช่นกัน ไม่สิ ไม่ใช่แค่มีให้เห็น แต่เรียกได้ว่ามีเยอะจนเห็นได้บ่อยมาก ๆ เลยต่างหาก

     ถ้าถามว่าเรื่องราวมันใหญ่โตบานปลายขนาดไหนกันเชียวกับการวิจารณ์ การบูลลี่ในวงการฟุตบอล? คำตอบคือ มันใหญ่ถึงขนาดที่ว่าองค์กรขนาดใหญ่ในโลกฟุตบอลอย่าง สมาคมฟุตบอลอังกฤษ(FA) ยูฟ่า ฟีฟ่า รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลระดับโลกอย่าง Manchester United , Liverpool , Manchester City และอีกหลาย ๆ ทีมในพรีเมียร์ลีคอังกฤษ ต่างก็ออกมาสนับสนุน ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการเลิกใช้โซเชียลมีเดีย 4 วัน เพื่อเรียกร้องให้บริษัทผู้ถือครองโซเชียลมีเดียออกมาตรการในการป้องกัน หรือมากที่สุดคงเป็นกำจัดพวกที่มาวิจารณ์เหล่าผู้คนในวงการฟุตบอลจนเกิดเป็นเรื่องฉาวโฉ่มากมายหลายเคส ยกตัวอย่างเช่น

     เฟร็ด กองกลางชาวบราซิลผู้เป็นตัวหลักของสโมสรฟุตบอล Manchester United เมื่อไม่นานผ่านมานี้เองที่เขาโดนแฟนบอลทีมตัวเองรุมวิจารณ์ รุมบูลลี่ด้วยอารมณ์อันเกรี้ยวกราด หลังจากที่เจ้าตัวทำผิดพลาดจนเป็นต้นเหตุให้ทีมพ่ายแพ้ร่วงตกรอบฟุตบอลถ้วย ถ้าเป็นการวิจารณ์ฟอร์มการเล่นอย่างตรงไปตรงมาคงไม่มีเรื่องราวอะไร แต่เมื่อความเกลียดชังถูกจุดปะทุขึ้นมา พวกร่างอวตารในโซเชียลก็เริ่มกันรุมกระหน่ำด่าเฟร็ดด้วยถ้อยคำเสีย ๆ หาย ๆ ไม่พอ ถ้อยคำเหยียดผิว และสติกเกอร์อีโมติค่อนรูปลิงที่เป็นสัญลักษณ์ในการเหยียดหยามคนผิวสี(เฟร็ดเป็นคนผิวสี) ก็ถูกใช้อีกด้วย เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียวสำหรับเฟร็ด ก่อนหน้านี้เขาโดนมาแล้วหลายรอบจนในที่สุดครั้งนี้เป็นครั้งที่ร้ายแรงที่สุดเพราะมันมาจากแฟนบอลทีมตัวเองนี่แหละ ทางสโมสรจึงตัดสินใจออกแถลงการต้านการเหยียดผิว รวมไปถึงสมาคมฟุตบอลอังกฤษก็เริ่มประชุมกันหาทางรับมือ และขอร้องไปถึงผู้ดูแลโซเชียลมีเดียเลยทีเดียว

     จริง ๆ ไม่ได้มีเพียงแค่เฟร็ดเท่านั้น ในทีมเดียวกันที่เคยโดนก็มีทั้งมาร์คัส แรชฟอร์ด , อองโตนี่ มาร์กซิยาล ที่เป็นนักเตะผิวสีเหมือนกันก็เคยโดน รวมไปถึง ซง เฮือง มิน ดาวเตะทีมชาติเกาหลีใต้ของสโมสร Tottenham Hotspur ก็เคยโดนรุมบูลลี่อยู่ด้วย มีอีกหลายเคสมาก ๆ ที่เกิดการกระทำอันไม่น่าเห็นใจนี้จนสุดท้ายวงการฟุตบอลก็เลยลุกฮือกันขึ้นมาต่อต้านอย่างหนักนี่แหละ พอเป็นแบบนี้ทางเพจ Prototype ของเราที่ตอนนี้ก็กำลังทำเรื่องเกี่ยวกับการวิจารณ์อยู่จึงอยากรู้สาเหตุ และตอนนี้เราก็จะไปไขคำตอบไปพร้อม ๆ กันกับ เพจฟุตบอล ศาลาผี ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการลูกหนังมาแล้วกว่า 10 ปีด้วยกัน

     สำหรับพี่โป้ง เจ้าของเพจศาลาผีที่มักจะทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับการวิจารณ์ วิเคราะห์โดยตรงอย่างการเขียนบทวิเคราะห์เกมฟุตบอล วิเคราะห์ความสามารถนักเตะที่เกี่ยวข้องกับทีม Manchester United เป็นประจำจึงค่อนข้างที่จะมีประสบการณ์ และมีความรู้ในเรื่องการวิจารณ์ดีมากอยู่แล้ว และไหนจะภายในเพจของเขาที่คอมเมนต์แทบจะ 90% คือการแลกเปลี่ยนทัศนคติต่อเรื่องแต่ละเรื่องเป็นอย่างดีระหว่างแฟนเพจ และเจ้าของเพจ นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราเลือกไปสัมภาษณ์พี่โป้งถึงในหัวข้อนี้ เราจะมาดูกันว่าทรรศนะของคนฟุตบอลต่อหัวข้อนี้นั้นเป็นแบบไหนกัน?

     “การวิจารณ์ก็คือ การพูดถึงเรื่องนั้น ๆ ด้วยความคิดของเราเอง ในแง่มุมของเราเอง ว่าตัวเราเองคิดเรื่องนั้น ยังไงบ้างแล้วเราก็ นำเสนอออกมาไม่ว่าจะเป็น นี่แง่บวกหรือแง่ลบเพื่อที่จะแสดงความคิดเห็นออกมาครับว่าเราคิดยังไง รู้สึกว่า สิ่งนั้นมันดีหรือไม่ดี มันเข้าท่าหรือมันอะไรบ้าง” มุมมองต่อคำว่าวิจารณ์ของเขาแสดงให้เห็นเลยว่าเจ้าตัวนิยามมันว่าเป็นเรื่องของความเห็น เรื่องของแง่มุมในแต่ละคน และมองว่าการวิจารณ์นั้นเป็นปกติที่จะมีอารมณ์ควบคู่มากับเหตุผล

    “เหตุผลน่ะมันต้องดีกว่าอยู่แล้ว เพราะว่าอย่างน้อยมันก็ตรงความเป็นจริงมากกว่า แต่ว่าการใช้อารมณ์ตั้งอยู่บนการวิจารณ์ด้วย บางทีมันก็ไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป ถ้ามันจะสามารถสะท้อน ความรู้สึกหรือว่ามุมมองอะไรบางอย่าง ที่มันเป็นเรื่องนอกจากเหตุผลได้ มันก็ทำให้การวิจารณ์นั้นน่ะ มันลึกกว่าเดิม มันมีมิติมากกว่าเดิม” ในมุมมองของพี่โป้งคิดว่าการวิจารณ์ด้วยเหตุผลนั้นคือสิ่งที่เหมาะสมกว่าอยู่แล้ว แต่บางครั้งเหตุผลเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่ทั้งหมดของการวิจารณ์ เพราะการวิจารณ์ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ความรู้สึก ความชอบของผู้วิจารณ์ด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย แต่ถึงแบบนั้นใช่ว่าเขาจะสนับสนุนให้วิจารณ์ด้วยอารมณ์นะ

     “การวิจารณ์ด้วยอารมณ์ บางทีมันไม่ใช่ว่าจะไม่ดี หรือว่าไร้ประโยชน์ไปเลยซะทีเดียวครับ แต่ว่าหลัก ๆ แล้วก็ใช้เหตุผลตั้งไว้ก่อนเป็นหลัก หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันหรือคุยกันเป็นประเด็น ๆ ไป เพราะว่าขึ้นชื่อว่ามนุษย์เวลาการพูดคุยกันการวิจารณ์กันมันมีอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยว มนุษย์มันมีความรู้สึกนึกคิดไงเพราะงั้นเรื่องนี้มันก็เกี่ยวข้องคือมันหลีกเลี่ยงไม่ได้”ตั้งเหตุผล ตั้งข้อมูลที่เป็นความจริงไว้เป็นหลักก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยใช้ความรู้สึกเสริมแต่ง มองลงไปให้ลึกกว่าเดิม นี่แหละครับหลักวิจารณ์ของเพจศาลาผีที่ทำให้มีคนชื่นชอบติดตามกว่า 2 หมื่นคนเข้าไปแล้ว

     แต่ถึงจะรู้ทรรศนะของคนที่อยู่ในวงการไปแล้ว แต่มันก็เป็นเพียงทรรศนะของคน ๆ เดียว ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ในเรื่องของการที่นักเตะโดนวิจารณ์นอกเหนือจากเรื่องฟอร์มการเล่นไปจนถึงเรื่องส่วนตัวเลย แค่ในบ้านเราเองตามเพจใหญ่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล เรามักจะเห็นสงครามในคอมเมนต์ตีกันเดือดดาลทะลุปรอทตลอดทุกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแข่งนัดสำคัญ อาทิเช่น แดงเดือดระหว่าง Manchester United กับ Liverpool หรือ ศึกเอล กลาซิโก้ ระหว่าง Real Madrid และ Barcelona มีการทั้งบลัฟกัน ด่ากัน เหยียดหยามกัน ลามไปจนถึงใช้คำพูดลดทอนคุณค่าของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง ทำให้ภาพลักษณ์ของคนดูบอลส่วนใหญ่จะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

    “เราเข้าใจธรรมชาติของการเชียร์ฟุตบอลนะ เพราะว่ามันเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกค่อนข้างมากจริง ๆ เป็นส่วนใหญ่ของเรื่องนี้มันเป็นการพูดคุยที่มีอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้องเยอะ เพราะมันคือการเชียร์มันคือการดูกีฬาคือการเชียร์ มันคือการเอาตัวเองเอาเข้าไปอยู่กับทีมกับฝ่ายที่เราเชียร์เพราะงั้น ผลแพ้ชนะจึงทำให้เราเกิดอารมณ์ความรู้สึกขึ้นมาได้” จากมุมมองของพี่โป้งเขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะกีฬาฟุตบอลมันเป็นเกมแห่งจิตใจ เกมแห่งอารมณ์ที่คนดูจะรู้สึกมีอารมณ์ร่วมได้ง่ายมากตอนดูมัน เพราะงั้นจึงไม่แปลกเลยที่มักจะเกิดอะไรพวกนี้ขึ้นได้ง่าย

     “มันคือ Nature ของการเชียร์ฟุตบอลไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่เต็มไปด้วยหลักการและเหตุผลขนาดไหนยังไงคุณก็เป็นมนุษย์ถ้าเป็นมนุษย์การที่เราเชียร์ทีมมันมันต้องมีอารมณ์ความรู้สึก การเชียร์กีฬาที่ไม่มีอารมณ์ร่วมเลยมันก็แปลก ๆ มันไม่ใช่ธรรมชาติ การมีความรู้สึกอารมณ์ร่วมเข้าไปด้วยนั่นแหละจึงทำให้กีฬามันเป็นกิจกรรมที่สำคัญของมนุษย์” ตัวพี่โป้งยืนยันเองเลยว่าแม้เขาจะมีเหตุผลในการคิดอะไรค่อนข้างเยอะจากการที่ผ่านโลกมาพอสมควร แต่ทุกครั้งที่เชียร์บอลก็มักจะหลุดจากกรอบเหตุผลไปแทบทุกที เพราะมันคือธรรมชาติของกีฬาฟุตบอลยังไงล่ะ

     แต่ถึงแบบนั้น พี่โป้งก็ยืนยันอยู่แล้วว่าการใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม้จะมีอารมณ์ร่วมรุนแรงมากขนาดไหน แต่เราก็ต้องควบคุมคอนโทรลมันให้ได้ และในช่วงที่เราไปสัมภาษณ์เพจศาลาผีมา มันเกิดขึ้นใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่ ซง เฮือง มิน ดาวเตะทีมชาติเกาหลีใต้ที่เราเคยกล่าวไปในตอนแรก เขาได้ทำการแกล้งเจ็บ แสดงละครเรียกฟาวล์จนทำให้ทีมคู่แข่งในคืนนั้นอย่าง Manchester United ที่เป็นทีมฟุตบอลชื่อดัง มีแฟน ๆ มากมายต้องเสียผลประโยชน์ในเกม ถูกริบคีนประตู มิหนำซ้ำ ซงนี่แหละคือคนที่ยิงประตูขึ้นนำให้กับทีมตัวเองจนเกือบมีลุ้นเอาชนะทีมผีแดงไปได้เลย เพราะเหตุนั้นจึงเกิดดราม่าระอุขึ้นมาอย่างไม่หวาดไม่หวั่นจากเหล่าแฟนปีศาจแดงทั้งหลายที่ด่าทอ ซง เฮือง มิน แบบเสีย ๆ หาย ๆ ลามไปถึงชาติพันธุ์ และครอบครัวของเขาอย่างไม่สมควร

     “เราเข้าใจได้ว่าทำไมคนถึงจะหงุดหงิดและก็ระเบิดอารมณ์ออกมา ในจังหวะนี้ก็อย่างที่บอกว่ามันเป็นกีฬา อารมณ์มันเกิดขึ้นได้ผมเข้าใจ แต่ว่าอันที่เกิดขึ้นมันก็ควรจะมีขอบเขต สาปแช่งครอบครัว ซง เฮือง มิน อะมันใช่ไหม? มันก็ไม่ควรนี่ก็คือนี่ล้ำเส้นกัน ด่ากันเหยียดสีผิวไปนู่นนี่นั่นอันนี้คือล้ำเส้น” พี่โป้งพูดถึงเรื่องนี้อย่างเข้าใจถึงอารมณ์ของคนที่ออกมาด่า เพราะการกระทำของซง เฮือง มิน ในเกมมันก็เป็นอะไรที่ไม่สมควรทำจริง ๆ นั่นแหละ แต่การด่าล้ำเส้นออกมาจนถึงเรื่องอื่นมันไม่สมควรเลย

     “ทุกคนอยู่หลังแป้นพิมพ์ หลังคีย์บอร์ด หลังโทรศัพท์กันหมดถึงแม้จะรู้ตัวตนจริงกันบ้างมันก็ไม่ได้พูดกันต่อหน้าไงครับ โลกโซเชียลการแสดงความคิดเห็นมันก็เต็มที่ มันก็แค่เป็นที่ระบาย เป็นธรรมชาติของโลกอะไรอยู่แล้วที่การแสดงความคิดเห็นมันจะค่อนข้างรุนแรงแบบนี้ บางคนก็ไม่รู้หน้ารู้ตากัน บางคนก็มาในแบบอวตาร ไม่มีขอบเขตด้วย” จากความเห็นของพี่โป้งเองเขาก็ยืนยันว่าเพราะที่นี่มันคือโลกแห่งโซเชียลมีเดียนั่นแหละ มันถึงได้ดูรุนแรงกันแบบนั้น ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเจอใครมาทำอะไรรุนแรงเหมือนที่พิมพ์ด่า พิมพ์คอมเมนต์กันในโลกโซเชียลเลยแม้แต่น้อย

     สรุปแล้วก็คือ สาเหตุที่วงการฟุตบอลมีความรุนแรงทางด้านการวิจารณ์ด้วยอารมณ์เข้มข้นสูงมาก ส่วนนึงเป็นเพราะธรรมชาติของฟุตบอลมันเป็นเกมที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และจิตวิญญาณเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากแต่ว่า อย่างที่เคยกล่าวไปในบทความก่อนแล้ว สภาวะนิรนามบนโลกออนไลน์ทำให้หลาย ๆ คนกล้าทำอะไรที่ไม่สามารถทำในโลกจริงได้ มันเลยยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกมากเมื่อวงการฟุตบอลถูกใช้ควบคู่ไปกับโซเชียลมีเดีย เพราะงั้นจึงเป็นอะไรที่เลี่ยงไม่ได้เลยหากคุณเป็นแฟนฟุตบอลที่ใช้โซเชียลมีเดีย ก็ต้องเห็นภาพแบบนี้กันต่อไปอีกนานอย่างแน่นอน

    “พี่ใช้วิธีไม่คุยด้วยเลย เพราะรู้สึกว่ามันเสียเวลาที่จะไปคุยด้วยกับคนที่เขามีวิธีคิดที่ไม่เหมือนกัน ชุดความคิด Mindset มันคนละประเภท มันคุยกันไม่รู้เรื่องไง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการทะเลาะโดยไม่จำเป็นก็เราไม่ตอบโต้ไม่ไปทะเลาะอะไรแบบนี้น่าจะดีที่สุด บางคนอีโก้เยอะ ๆ ก็จะเถียงจนกว่าจะชนะ” พอเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คำแนะนำจากศาลาผีก็คือ การลีกเลี่ยงไม่เข้าปะทะมันซะเลยจะดีกว่า เพราะการโต้เถียงกันมีแต่จะทำให้เรื่องบานปลาย ยิ่งกับคนที่อีโก้สูงแล้วนั้นยิ่งควรปล่อยผ่านไปเลยน่าจะดีที่สุด

    ส่วนสุดท้ายนี้ใครที่เป็นแฟนฟุตบอล และได้อ่านบทความนี้แล้วก็อาจจะรู้สึกว่า นี่เราจะต้องอยู่กับวงการฟุตบอลที่เป็นอย่างนี้ตลอดไปจริง ๆ น่ะเหรอ? โอเคแหละว่า จากที่ศาลาผีได้บอกมาว่าตอนวัยรุ่นตัวเองก็ค่อนข้างเลือดร้อน และเถียงไม่ยอมคนเหมือนกัน พออายุเริ่มมากขึ้น วุฒิภาวะเริ่มโตขึ้นถึงได้ควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าเดิมมาก แต่มันก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แถมยังต้องรื้อระบบความคิด รื้อ Mindset เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองอีก การจะรอให้ทุกคนเปลี่ยนแปลงมันคงยากเกินไป อาจเป็นเพียงความฝันเลยก็ได้ บางทีความหวังอาจจะขึ้นอยู่กับเสียงเรียกร้อง และการประท้วงของทีมจากพรีเมียร์ลีคในครั้งนี้แล้วก็เป็นได้ ว่าทางผู้ดูแลโซเชียลมีเดีย จะตอบรับคำเรียกร้องของมหาอำนาจในวงการฟุตบอลหรือไม่

     หรือถ้าไม่ อย่างน้อย ๆ ถ้าเริ่มจากตัวคุณเอง ก็จะทำให้คนรอบข้างตัวคุณได้รู้สึก ได้สัมผัสถึงสิ่งดี ๆ ด้วยการใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ถ้าคุณไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมฟุตบอล คุณเองก็จงอย่าเผลอตัวไปเป็นแบบพวกเขาซะเองล่ะ

Share This:

Comments are closed.

Silahkan untuk Mengunjungi Juga

Jual Misoprostol Asli

Cytotec Misoprostol

Jual Misoprostol

Jual Pil Cytotec Asli

Jual Obat Aborsi

Obat Penggugur Kandungan

Jual Obat Pelancar Haid di Apotik yang aman

Jual Obat Penggugur Kandungan Asli

Apotik 24 Jam

Info Apotik 24 Jam

Klik Apotik 24 Jam

Jual Obat Penggugur Kandungan Paling Ampuh

Jual Obat Aborsi Asli di Ambon

Jual Obat Aborsi Asli di Banda Aceh

Jual Obat Aborsi Asli di Bandung

Jual Obat Aborsi Asli di Banjarbaru

Jual Obat Aborsi Asli di Banjarbaru

Jual Obat Aborsi Asli di Bau-Bau

Jual Obat Aborsi Asli di Bengkulu

Cytotec

Cytotec

Cytotec

Cytotec

Obat Aborsi

Cytotec

Cytotec

Cytotec

Obat Aborsi

Jual Cytotec Asli

Obat Aborsi

cara menggugurkan kandungan

obat penggugur kandungan

cytotec

obat aborsi cytotec

obat cytotec

cytotec

cytotec

obat aborsi

obat aborsi

Obat Aborsi Asli

obat aborsi

obat penggugur kandungan

jual cytotec asli

obat aborsi

obat penggugur kandungan

jual cytotec asli

obat aborsi

obat penggugur kandungan

jual cytotec asli

obat aborsi

jual obat aborsi

jual cytotec

obat cytotec asli

harga cytotec asli

obat penggugur kandungan

obat aborsi

jual obat aborsi

jual cytotec

obat cytotec asli

harga cytotec asli

obat penggugur kandungan

Cara Menggugurkan Kandungan

Cara Menggugurkan Kandungan Yang Masih Gumpalan Darah

obat penggugur

Jual Obat Aborsi

Obat Aborsi

Jual Obat Aborsi

Obat Aborsi

Jual Obat Aborsi

Jual Obat Aborsi

Jual Obat Aborsi

Cytotec 400mg

jual cytotec

obat aborsi 1 bulan

Jual Cytotec

Cytotec

Cytotec

Apotik

Cytotec

Cytotec

Cytotec

Cytotec

Cytotec

Cytotec

Cytotec

Cytotec

Misotab

Jual Obat Aborsi

obat aborsi Tradisional

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi

obat aborsi