งาน ไทยแลนด์ คอฟฟี่ เฟส 2019 “เริ่มจิบ…ไม่รู้จบ” มหกรรมกาแฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นกาส่งเสริมและผลักดันธุรกิจกาแฟไทยให้เกิดการเติบโตของตลาดกาแฟ ทั้งในประเทศไทยและสากล ภายในงานได้มีการนำเครื่องดื่ม “คราฟต์โซดา” ” ของแบรนด์ “คาสทาวน์ (Castown)” นำ “เปลือกกาแฟ” ที่เคยถูกทิ้งไม่มีค่า มามาเป็นวัตถุดิบในการผลิตแปรรูปเป็นเครื่องดื่มใหม่ ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟมีรายได้เพิ่มจากการขายเปลือกกาแฟ เครื่องดื่มมาแรง ที่ได้รับความนิยมจากร้านขายกาแฟ กว่า 500 ร้านภานในประเทศ สนใจนำไปขายต่อ
“คราฟต์โซดา” คือกระบวนการทำขึ้นด้วยมือไม่ผ่านกระบวนการผลิตแบบอุตสาหกรรม เครื่องดื่มที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติและไทย ผู้ชื่นชอบกาแฟ มียอดการสั่งซื้อจากร้านกาแฟต่างๆกว่า 500 ร้าน คราฟต์โซดานั้นสามารถใช้วัตถุดิบมาทำได้หลากหลายขึ้นอยู่กับการนำมาทำของผู้ผลิต อย่าง “คราฟต์โซดา” ของแบรนด์ “คาสทาวน์ (Castown)” ที่นำ “เปลือกกาแฟ” มาเป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งนอกจากจะได้คราฟต์โซดาที่รสชาติดีแล้วยังเป็นการช่วยลดขยะบนดอย ที่สำคัญยังทำให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟมีรายได้เพิ่มจากการขายเปลือกกาแฟได้อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
จากข้อมูลงานวิจัยของต่างประเทศว่าเปลือกกาแฟมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ สูงกว่าบลูเบอรี่ถึง 8 เท่า และยังมีวิตามินเอ ซี ดีและอี อยู่อีกด้วย และมีการนำเปลือกกาแฟไปตากแห้งแล้วนำมาชงเป็นชาดื่ม แบรนด์ Castown จึงคิดว่าเปลือกกาแฟที่ถูกทิ้งเป็นขยะน่าจะนำมาทำอะไรให้เกิดประโยชน์ได้ จึงมาคิดค้นโดยนำเปลือกกาแฟมาตากแห้งแล้วนำมาต้ม และนำมาหมักกับยีสต์จนได้มาเป็นเครื่องดื่มแบบคราฟต์โซดา หรือเครื่องดื่มประเภทซอฟต์ดริ๊งค์ขึ้นมา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวต่างชาติและคนไทย นอกจากนั้นได้ แบรนด์ Castown ยังได้รับ รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 การประกวดสุดยอดนวัตกรรมด้านการเกษตร และอาหารระดับประเทศ ปี 2560
จุดเด่นของคราฟต์โซดานอกจากจะเป็นเครื่องดื่มที่มีความซ่า ดื่มเพื่อความสดชื่นแล้ว ยังเป็นการนำวัตถุดิบเหลือทิ้งอย่างเปลือกกาแฟมาทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เพราะเมื่อก่อนเกษตรกรไม่เคยนำเปลือกกาแฟมาใช้ประโยชน์ พอนำมาแปรรูปทำให้เกิดการสร้างมูลค่าให้กับเปลือกกาแฟ และนอกจากนี้แม้จะทำมาจากเปลือกกาแฟแล้วยังมีคาเฟอีนเพียง 8.4 มิลิกรัมเพียงเท่านั้น ซึ่งทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อการนอนแต่อย่างใด
ก่อนจะมาเป็น“คราฟต์โซดาเปลือกกาแฟ”
คุณนครินทร์ มานะบุญ ผู้ร้วมก่อตั้งฝ่ายบริหาร กล่าวว่า “เมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยวกาแฟ แบรนด์ Castown จะไปขอซื้อเปลือกกาแฟจากสวนต่างๆ บนดอยสะเก็ดและบริเวณใกล้เคียง จำนวนกว่า 30 ตันต่อปี เป็นการลดปริมาณขยะบนดอย นำวัตถุดิบเหลือทิ้งอย่างเปลือกกาแฟมาทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เพราะเมื่อก่อนเกษตรกรไม่เคยนำเปลือกกาแฟมาใช้ประโยชน์ พอนำมาแปรรูปทำให้เกิดการสร้างมูลค่าให้กับเปลือกกาแฟ จากที่เป็นขยะทิ้งตอนนี้นำมาขายให้กับ คาสทาวน์โดยรับประกันราคากิโลกรัมละ 30 บาท” หรือสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร กว่า 900,000 บาท
Workshop ศูนย์การเรียนรู้เพื่อให้ความรู้และเพิ่มคู่แข่ง
โดยเปิดเป็นคอสสอนให้ความรู้ สำหรับคนที่สนใจทำคราฟต์โซดา คุณนครินทร์ มานะบุญ กล่าวว่า “คาสทาวน์ ของเรามีปัจยาว่าเราไม่มีคู่แข่งทุกคนมีคุณค่าความเป็นคนเท่ากัน ยิ่งเรามีคู่แข่งหรือคนที่ทำคราฟต์โซดาเท่าไร จะยิ้งสร้างรายได้แก่ ผู้ปลูกแก่แฟในดอยอื่นๆมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเรายินดีและเต็มใจที่จะมีคู่แข่ง ตอนนี้คอสรอบนี้เรามีคนเรียนอยู่ 10 กว่าคน อยู่ที่ กรุงเทพฯ ซอยสุขุมวิท 77 โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,900 เป็นค่าอุกรณ์การเรียนการสอน”
