หลายคนคงทราบกันดีว่าในปี 2563นั้น ได้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19เข้าสู่หลายๆประเทศ รวมไปถึงประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ทำให้หลายๆเทศกาลในประเทศไทยมีการงดจัดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการรวมตัวของคนหมู่มาก เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสที่อาจจะแพร่กระจายไปในวงกว้าง แต่ปัจจุบันก็เข้าสู่ปีที่2แล้ว ที่ประเทศไทยยังคงเฝ้าระวังจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ ซึ่งทำให้เทศกาลประจำปีของประเทศไทยอย่าง ประเพณีสงกรานต์ถูกยกเลิกการจัดงานอาทิเช่น สาดน้ำ ปะแป้ง หรือปาร์ตี้โฟม เป็นต้น เหลือไว้เพียงแค่วันหยุดเทศกาลและกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น
ในปี 2564นี้ ที่ประเทศไทยได้ประกาศให้มีวันหยุดในเทศกาลสงกรานต์ และให้มีการจัดงานสงกรานต์ได้ในรูปแบบNew Normalคือเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย และงดสาดน้ำ ปะแป้ง ปาร์ตี้โฟม หรือจัดคอนเสิร์ตเหมือนปีที่ผ่านมา จึงได้มีการสอบถามความคิดเห็นของหลายๆคนถึงสาเหตุในการเล่นหรือไม่เล่นสงกรานต์ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเทศกาลสงกรานต์ในปัจจุบันที่มีการเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19เกิดขึ้น
“ปกติเป็นคนเล่นสงกรานต์อยู่แล้ว เล่นเพราะเพื่อนๆชวนกันมาเล่น และอยากสนุกกับเพื่อนๆ เห็นว่าในปีนี้หลายๆที่ก็มีการปรับให้เป็นพิธีการทางศาสนาแทน ก็คงคิดว่าน่าจะมีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันเรื่อยๆ ในปีหน้าหากมีการฉีดวัคซีนก็คงที่จะกล้าเล่นน้ำมากขึ้นเพราะคิดว่ายังไงโควิดก็คงอยู่กับเราไปอีกนาน” นักศึกษา อายุ 20 ปี จังหวัดนนทบุรี
“ปกติเป็นคนที่ไม่เล่นน้ำสงกรานต์อยู่แล้ว พอเกิดโควิดแล้วไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์ก็รู้สึกเฉยๆ แต่สถานการณ์ปัจจุบันได้มีการปรับสงกรานต์ให้เป็นแบบNew Normalก็ถือว่าเป็นการดี ดีกว่าที่ไม่มีการจัดเทศกาลสงกรานต์เกิดขึ้นเลย” พ่อค้า จ.นนทบุรี
“ปกติเล่นน้ำสงกรานต์อยู่แล้วกับเพื่อนๆในหมู่บ้าน แต่พอมาเรียนที่กรุงเทพก็ไม่มีเพื่อนเล่นสงกรานต์ ถ้าเกิดในปีนี้หรือปีต่อไปมีการจัดสงกรานต์แบบNew Normalและมีมาตรการป้องกันที่ดี ก็คงยังอยากที่จะเล่นน้ำสงกรานต์อยู่” นักศึกษา,อายุ19ปี,จ.นนทบุรี
ทั้งนี้นายแพทย์ นรเทพ อัศวพัชระ แพทย์สาธารณสุขจังหวัดระนอง เปิดเผยถึงประเพณีสงกรานต์ว่า กิจกรรมที่มีความแออัดของคนหรือใช้สิ่งของร่วมกันนั้น ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อ ดังนั้นคำสั่งในแต่ละจังหวัดจึงให้มีการจัดกิจกรรมประเพณีทางศาสนาเท่านั้น และห้ามจัดประเพณีสงกรานต์ที่รวมกลุ่มคนอาทิเช่น สาดน้ำหรือปะแป้ง เพราะประเพณีที่ห้ามอาจก่อให้เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ที่เพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องงดจัดกิจกรรมจำพวกนี้
ถึงแม้เราจะมีการจัดกิจกรรมทางศาสนาได้ แต่ยังคงมาตราการทางสาธารณะสุขไว้ เช่น จะเข้าร่วมกิจกรรมก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย ต้องเว้นระยะห่างประมาณ1-2เมตร มีจุดวัดอุณหภูมิก่อนเข้าร่วมงาน มีเจลแอลกอฮอล์ประจำจุด หรือสแกนไทยชนะ ส่วนในเรื่องของการฉีดวัคซีนนั้น หากมีการฉีดวัคซีนเสร็จเรียบร้อยภายในปีนี้ยังไม่ได้เป็นการการันตีถึงความปลอดภัย อย่างน้อยต้องคนในประเทศต้องมีภูมิต้านทานประมาณ70%ของประชากรทั้งหมดในประเทศ และคาดการณ์ว่าโควิด-19 น่าจะอยู่กับประเทศไทยอย่างน้อยอีกประมาณ 2ปี หลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีหน้าก็ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตราการทางสาธารณะสุขอยู่เพื่อความปลอดภัย
ดังนั้นไม่ใช่แค่ช่วงประเพณีเทศกาลสงกรานต์เพียงเท่านั้นที่ต้องควรระวังการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ยังรวมไปถึงการป้องกันเชื้อไวรัสในชีวิตประจำวันก็ควรที่จะปฏิบัติตามมาตราการของทางกระทรวงสาธารณะสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายไปในวงกว้าง หากทุกคนช่วยกันปฏิบัติตนอาทิเช่น สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง พกแอลกอฮอล์ทุกครั้งในขณะออกไปข้างนอกและหมั่นตรวจเช็คร่างกายของตนเอง ก็ถือว่าเป็นการช่วยลดอัตราความเสี่ยงให้กับตนเองและบุคคลอื่นได้เช่นเดียวกัน