สถานการณ์ในปัจจุบันทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ไหนจะมีโซเชียลมีเดียที่เป็นเหมือนสิ่งหนึ่งจะมาแทนที่หนังสืออีก เพราะส่วนใหญ่ทุกคนต่างก็ใช้เวลาว่างให้กับ “โซเชียลมีเดีย” ซะมากกว่า อีกทั้งการเล่น “โซเชียลมีเดีย” ยังเป็นกิจกรรมที่ไม่เสียตังอีกด้วย เมื่อเทียบกับการเอาตังไปซื้อหนังสือซักเล่มมาอ่าน จากสถิติที่บอกว่า คนไทยอ่านคนไทยอ่านหนังสือวันละ 37 นาที ส่วนเหตุผลว่าทำไมไม่อ่าน 37.9% เพราะชอบดูโทรทัศน์ หรือ 18.1% ไม่ชอบอ่านหรือสนใจหนังสือเลย แล้วอย่างนี้ธุรกิจมือสอง ณ ตอนนี้จะเป็นอย่างไร
ในงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมามีโซนที่เกี่ยวกับหนังสือมือสองอยู่หลายบูท ซึ่งเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ หนังสือที่ขายอยู่มีสภาพใหม่ และบางเล่มก็มีมาจากต่างประเทศสภาพก็ดี 70-90% ในราคาที่ถูกมาก เช่น “เทเลบิ” นิตยสารญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับการ์ตูน ราคาของเล่มนี้ตอนเป็นมือหนึ่งอยู่ที่ 400-450 บาท แต่พอมาอยู่ในตลาดหนังสือมือสองจะอยู่ที่ 40 บาท ถ้าสภาพดีแบบยังไม่มีการแกะหนังสือก็จะอยู่ที่ 120 บาท เป็นต้นซึ่งถือว่าเป็นราคาที่น่าคบหามากเลยทีเดียว
ที่สำคัญธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่น่าสนใจและมีมานานแล้ว แต่ในยุคที่คนอยู่ในโลกออนไลน์และอ่านหนังสือกันน้อยลง หนังสือมือสองอยู่ได้อย่างไร?
ตอนนี้คนนิยมซื้อหนังสือมือสองมากแค่ไหนประเภทไหนและอยู่ในวัยไหน
จากการสอบถามผู้ประกอบการธุรกิจหนังสือมือสองย่านตลาดนัดจตุจักรและเมืองทอง 3 รายพบว่ามี คนยังนิยมซื้อหนังสือมือสองกันเยอะเพราะ ลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลงถึง 50 % ส่วนมากหนังสือมือสองที่คนมักซื้อจะเป็นหนังสือประเภททั่วไป/ท่องเที่ยว/ตำราเรียน/หนังสือสะสม/และหนังสือที่ไม่สามารถหาได้ตามท้องตลาดเพราะเลิกพิมพ์ไปแล้ว ลูกค้ามีทุกวัย คนเหล่านี้มีทั้งซื้อเพราะว่าถูกและเป็นนักสะสม บางคนก็เพิ่งเริ่มต้นอ่านหนังสือ การเริ่มจากอ่านหนังสือมือสองดูจะเป็นการลงทุนที่คุ้มกว่า
มิลินทรา จอกทอง ผู้ประกอบการธุรกิจมือสอง ย่านตลาดนัดจตุจักร ให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจหนังสือมือสองว่า หนังสือมือสอง เป็นการขายหนังสือเก่าที่สภาพดี ราคาจะแตกต่างกันออกไปตามสภาพหนังสือหรือความหายากของมัน หนังสือมือสองเป็นหนังสือที่ต้นทุนถูกว่าหนังสือใหม่ เป็นของสะสมที่มีคุณค่าทางจิตใจบางครั้ง มีเงินแต่คุณก็ซื้อไม่ได้เพราะของมันหายาก ถ้าได้มาครอบครองก็เหมือนเป็นผู้โชคดีที่เขาพิมพ์ในจำนวน 1000 เล่ม หรือ 2000 เล่ม
“เมื่อก่อนธุรกิจนี้คึกคักแต่ตอนนี้ความนิยมน้อยลงกว่าแต่ก่อน เพราะวัยรุ่นนิยมจะตามหนังสือที่ใหม่มากกว่า เพราะหนังสือมือสองมาช้า ลูกค้าจึงไม่รอ ธุรกิจนี้อาจเติบโตช้าลงแล้วเพราะลูกค้าน้อยลงและปัญหาเศรษฐกิจ แต่เรายังอยู่ได้เพราะเพราะลูกค้าประจำ และลูกค้าที่มีความพร้อมที่จะซื้อ”
คุณ สุเมธ กิจดุสิตพงษ์ ผู้ประกอบการธุรกิจหนังสือมือสองย่านจตุจักรอีกท่าน มองว่า การเติบโตของธุรกิจนี้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า เศรษฐกิจตอนนั้น และ กำลังซื้อของผู้อ่าน ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อพอผู้อ่านก็อาจจะมาซื้อหนังสือมือสอง เช่นหนังสือออกมาใหม่ คนก็อาจจะยังไม่ซื้อ แล้วก็จะรอให้กลายเป็นหนังสือมือสองก่อนแล้วค่อยซื้อ แต่หนังสือมือเป็นสิ่งที่คนอ่านได้ทุกวัย โซเชียลมีเดียก็มีส่วนช่วยให้คนมาสนใจหนังสือมือสองได้
“ทุกคนอ่านได้หมด หนังสือคือหนังสือเหมือนกัน อยู่ที่ว่าคนอ่านจะเลือกอ่านแบบไหน หนังสือมือสอง เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง ที่รองรับหนังสือมือหนึ่งอีกรอบ หนังสือบางเล่มที่เลิกพิมพ์ไปแล้วก็สามารถมาหาที่หนังสือมือสองได้ เปิดโอกาสในการซื้อหนังสือ และยุคโซเชียลมีเดียก็มีข้อดีที่ทำให้คนรู้จักหนังสือทั้งใหม่และเก่า เช่น หนังสือเก่าๆสมัย พ.ศ. 2520 ขึ้นไป คนก็จะมาตามหาหนังสือนั้นในหนังสือมือสอง หรือจะเป็นหนังสือเรียนเก่าๆ จำพวก มานีมานะ ปิติชูใจ”
อ.ธัญญา พ่วงเสมา ผู้ประกอบการธุรกิจหนังสือมือสอง ย่านตลาดริมบึง หมู่บ้านเมืองทอง กล่าวว่า ธุรกิจหนังสือมือสองแม้จะทำรายได้ได้ไม่หวือหวา แต่ก็อยู่ได้ คนทำธุรกิจขายหนังสือมือสองยังพอมี แม้จะยังไม่มาก แต่มีแนวโน้มคนจะสนใจมาทำธุรกิจเพิ่มขึ้น เช่น ขายหนังสือมือสองออนไลน์ก็เริ่มมีทำกันมากขึ้น โดยเน้นเป็นหนังสือเก่าที่หายากหรือหนังสือสะสม ซึ่งจุดแข็งของธุรกิจนี้คือ “ราคา”
“ปัจจุบันหนังสือใหม่ราคาแพงขึ้น คนบางกลุ่มอยากอ่านหนังสือแต่ทุนน้อยก็เลยเลือกไม่อ่าน แต่ถ้ามีหนังสือมือสองก็เป็นทางเลือกให้เขาได้ ดังนั้น ในการตีราคาหนังสือมือสองที่นำมาขาย เราจะดูที่ราคาหน้าปกของหนังสือ แล้วแบ่งเป็น 4 ส่วน เช่น หนังสือราคา 100 บาท ขาย 25 บาท ดูความเหมาะสมของสภาพและราคาหนังสืออย่าให้มันแพงจนเกินไป เพราะปัจจุบันหนังสือใหม่ราคาแพงจนเกินไป ลูกค้าสามารถต่อรองราคาได้ตามความเหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อ”
ราคาของหนังสือที่ถูก เพราะเหตุผลคงจะเป็นเรื่องจริง เพราะทุกยุคทุกสมัย “ถ้าของดีและขายถูกมันก็อยู่ได้” อย่างที่อ.ธัญญาได้บอกถึงเหตุผลที่ธุรกิจยังอยู่ได้ท่ามกลางเศรษฐกิจและยุคโซเชียลปัจจุบัน “