เรดโอ๊คเป็นผักที่คนนิยมนำมาทานเป็นผักสลัด โดยมีลักษณะ เป็นผักใบสีแดงเข้มหรือออกม่วง เป็นผักที่มีใบซ้อนกันเป็นชั้น มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หารู้ไหมว่า เรดโอ๊คจำนวน 1 ต้น มีมูลค่าสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ที่ปลูก โดยผู้ปลูกสามารถทำกำไรได้อย่างมากมาย จากการลงทุนแค่เพียงครั้งแรก สามารถทำให้สร้างกำไรระยะยาวได้แล้ว นั่นคือ ร้อยตำรวจเอกพิฆเนศ เตรียมเกิดทรัพย์ หรือคุณแซม ที่ประกอบอาชีพหลักคือรับข้าราชการตำรวจในบังคับการพิเศษ (ตำรวจคอมมานโด) แต่มีอาชีพเสริมที่สามารถสร้างรายได้ให้ตนอีก 1 ทางอีกด้วย คือการทำเกษตรและด้วยเป็นคนที่รักสุขภาพ จึงทำการปลูกขายเรดโอ๊ค ซึ่งเป็นผักเพื่อสุขภาพ จากการทำได้รับกำไรจากต้นเรดโอ๊คต้นเดียวถึง 10 เท่าตัว ด้วยการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ ที่ทำให้มีผลผลิตและได้กำไรอย่างที่ต้องการ
ร้อยตำรวจเอกพิฆเนศ เตรียมเกิดทรัพย์ อาชีพตำรวจคอมมานโด จุดเริ่มต้นจากที่ ด้วยอาชีพรับราชการ ส่วนค่าตอบแทนกับงานที่ทำไม่สามารถตอบโจทย์ความฝันเราได้ เลยได้มาศึกษาธุรกิจอื่น ได้เห็นว่าธุรกิจเกษตรยังไปได้ไกลในประเทศไทย เลยศึกษาการปลูกผักและเป็นเทรนด์ใหม่ในด้านสุขภาพของโลก คนเริ่มหันมาสนใจในการดูแลสุขภาพ จึงศึกษาการปลูก ซึ่งผักสลัดเป็นผักที่ขายง่ายและราคาดี เรดโอ๊คเป็นผักสลัดที่คนนิยมทาน เพราะเรดโอ๊คเป็นผักที่มีประโยชน์ดีต่อสุขภาพเหมาะกับกับคนที่กำลังลดน้ำหนักอีกด้วย และไปกี่ที่ก็จะเห็น ร้านอาหาร หรือภัตตาคารต่างๆ นำผักไปใช้ในการประกอบอาหารเป็นผักที่ต่อสุขภาพ
ร้อยตำรวจเอกพิฆเนศ กล่าวว่า ต้นทุนในการเริ่มทำครั้งแรก คือ ค่ารางปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ ประมาณ 15,000 บาท ส่วนนี้คือรวมทุกอย่างแล้ว ถ้าหากจะขยายแปลงเพิ่ม ซื้อแต่ตัวตั้งเพิ่มประมาณ 4,500 บาทต่อแปลง 1 แปลง ประมาณ 240 ต้น ต้นทุน 15,000 ปลูกได้ยาวๆ สำหรับงบประมาณในส่วนที่ใช้และหมดไป ค่าปุ๋ย เมล็ด และปุ๋ยเสริมต่างๆ ที่ใช้เป็นหลักคือ ปุ๋ย AB ถ้าหากจะซื้อต้องซื้อเยอะๆ ประมาณ 50 ลิตร 500 บาท เฉลี่ยลิตรละประมาณ 10 บาท ครึ่งกระปุกได้รอบหนึ่งใช้ประมาณนิดเดียว ปลูกได้ 50 รอบ ส่วนเมล็ดแบบเคลือบกับไม่เคลือบ เมล็ดแบบไม่เคลือบจะถูกกว่า จะเป็นเมล็ดแบบเกล็ด ถ้าแบบเคลือบจะเคลือบด้วยดินเหนียว เป็นแบบที่ง่ายในตอนที่นำไปใส่ช่องปลูก แต่จะมีราคาที่แพงกว่า 1,000 เมล็ดแบบเคลือบ จะมีราคา 400 – 500 บาท ถ้าแบบไม่เคลือบ 1,000 เมล็ด ราคา 100 – 200 บาท
โดยการปลูกแบบนี้คล้ายกับการปลูกผักสลัดทั่วไป เราต้องรู้ว่าเรดโอ๊คมีค่า EC หรือ ค่าเหนี่ยวนำ ทั้งหมด 1,400 – 1,700 บาท การปลูกวิธีแบบไฮโดรโปนิกส์ เป็นการปลูกที่ไม่ใช้ดิน การที่ผักจะโตได้ต้องมี 5 ปัจจัย ที่ยึดเกาะราก มีสารอาหาร มีอากาศ แสงและน้ำ เราก็ใช้แบบไฮโดรโปนิกส์ในการปลูก สารอาหารจะเป็นธาตุหลักและธาตุรองของพืช ไฮโดรเจน ฟอสฟอรัส โซเดียม โพแทสเซียม มันจะอยู่ในสารละลายของปุ๋ย โดยปุ๋ยอินทรีย์ใช้ครั้งหนึ่ง 1 – 2 ซีซี เชื้อมีความเข้มข้นนำมาผสมกับน้ำก็สามารถฉีดได้ในปริมาณที่มาก แต่หลักที่ใช้อินทรีย์เพราะ เรดโอ๊คเป็นผักเพื่อสุขภาพ ถ้าผักมีสารเคมีเจือปนจะไม่ใช้ผักเพื่อสุขภาพ ลูกค้าก็จะไม่ให้ความสนใจ
ร้อยตำรวจเอกพิฆเนศ ยังเล่าอีกว่า จากการศึกษาการกำหนดราคาในกรุงเทพมหานคร ราคาผักในแต่ละที่จะต่างกัน แต่ละฤดูกาลจะแตกต่าง แต่ของที่นี่ถือว่าเป็นผักปลอดสาร ในกรรมวิธีที่ไม่มีสารพิษ ใช้ปุ๋ยชีวภาพในการปลูกเรดโอ๊ด ทำให้ไม่มีสารพิษเจือปน โดยจะคิดขีดละ 20 บาท กิโลกรัมละ 200 บาท โดย 1 แปลงมี 240 ต้น เป็นราคาขั้นต่ำต้นละ 1 ขีด จะได้ 4,000 กว่าบาท เป็น 800 บาทต่อแปลง โดยการปลูกจะขึ้นอยู่กับจำนวนรอบการปลูก รอบหนึ่งใช้เวลา 40 – 45 วัน ถ้าเราขยันปลูกแบบต่อเนื่องจะได้เยอะขึ้น โดยส่วนตัวเป็นงานอดิเรก เพราะมีงานประจำมีเวลามาดูแลแค่ช่วงเย็นหรือในบ้างช่วงที่เราไม่อยู่ เราก็ไม่ได้ปลูกในเดือนนั้น ปีหนึ่งปลูก 5 รอบ ได้เกือบ 20,000 บาท เพราะว่ามีอยู่แปลงเรดโอ๊คอยู่แปลงเดียว ส่วนกำไรที่ได้ต่อแปลง อย่างน้อย 4,000 กว่าบาท ตอนแรกต้องปลูก 4 รอบถึงจะหักในรอบแรกที่ลงทุน หลังจากครั้งที่ 4 จะได้กำไรแล้ว คือ ลงทุนรอบแรก 15,000 บาท ปลูกแต่ละรอบได้ 4,000 บาท รอบหลังจากนั้นจะเป็นกำไร ตอนนี้ปลูกมา 9 รอบแล้ว เพียงปลูก 4 รอบจะได้กำไรคืนแล้ว หลังจากนั้นจะเสียค่าปุ๋ย เมล็ดแบบเคลือบราคาเม็ดละ 2 บาท เราสามารถขายได้ต้นละ 200 บาท ส่วนค่าไฟและน้ำเสียน้อยมาก ไม่ถึง 100 บาท ตอนนี้ได้กำไร 30,000 บาทใน 1 ปี ส่วนช่องทางการขายจะขายเฉพาะทางออนไลน์ ผ่านช่องทางเพจ Facebook Commando hydro project และโซเชียลต่างๆ การสร้างสตอรี่ในการลงในเพจ ว่าผักปลอดสารอย่างไร ให้ความรู้ว่าผักมีดีต่อสุขภาพแบบไหน เห็นกรรมวิธีในการปลูกแล้วทำให้คนเกิดความสนใจ ขายได้ง่ายตัดปัญหาพ่อค้าคนกลาง แพ็คเองส่งเอง ส่งผ่านไปรษณีย์ ส่วนค่าส่งคนซื้อจะเป็นจ่ายเอง
การปลูกผักเรดโอ๊ค ถือเป็นสิ่งที่ช่วยในเรื่องของทัศนียภาพที่ดีให้กับเพื่อนๆ ตำรวจคนอื่น เพราะคุณแซมได้ใช้พื้นที่หลังแฟลตตำรวจที่ตนอาศัยอยู่เป็นพื้นที่ในการปลูก ซึ่งก่อนหน้านั้นเป็นพื้นที่ที่มีความรกร้าง ต้นไม้และขยะเต็มไปหมด พอเข้าไปจึงได้เคลียร์พื้นที่ ทำความสะอาดพื้นที่นั้น จึงเอาแปรงผักมาลง พอพืชโตขึ้น ก็จะเห็นความเขียวความแดงของ เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค คนที่มองลงมาจากที่พักมันก็จะดูดีขึ้น และก็มันเป็นอะไรที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และก็นำไปกินได้ เพราะประโยชน์เยอะผัก แค่ดูลงมามันก็ดูเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว เพราะเราสร้างพืชสร้างต้นไม้ที่เป็นผัก
จากการที่คุณแซมปลูกเป็นอาชีพเสริมจึงได้ให้ข้อมูลว่า หากต้องการปลูกเป็นอาชีพเสริมควรจะมีพื้นที่สำหรับรางปลูก หากต้องการปลูกในคอนโดเนื่องจากคอนโดเป็นพื้นที่ที่มีข้อจำกัด เรื่องพื้นที่แคบ และแสง ซึ่งเรดโอ๊คเป็นผักที่ต้องการ 5 อย่างคือ ที่ยึดเกาะราก มีสารอาหาร มีอากาศ แสงและน้ำ เนื่องจากในคอนโดมีแสงที่น้อย ถ้าแสงไม่มี พืชก็จะไม่ได้สังเคราะห์แสง ทำให้เรดโอ๊คโตได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ถ้าหากต้องการปลูกในคอนโด ในพื้นที่นั้นควรจะมีแสงส่องเข้าไปที่รางปลูกจำนวนในการปลูกเหมาะที่จะปลูกกินเอง ถ้าจะปลูกเป็นอาชีพเสริมควรจะมีพื้นที่โล่งในการวางแปลงและปัจจัย 5 โดยเริ่มจากการปลูก 1 แปลง 240 ต้น จะได้กำไรรอบละ 4,000 – 5,000 บาทในการปลูก 45 วัน ซึ่งปลูกในจำนวนเท่านี้จะสามารถขายได้ง่ายสร้างรายได้จากพื้นที่โล่ง
การปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์เป็นการที่เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่มีดินหรือพื้นที่ที่ลงดินได้ เนื่องจากไม่ต้องใช้ดินในการเพาะปลูก คุณแซมจึงใช้พื้นที่หลังแฟลตตำรวจ เหมาะกับการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ที่ใช้รางแบบลอย สามารถปลูกได้ทุกที่นอกจากการปลูกแบบนี้ยังได้ประโยชน์ต่อผลผลิตและกำไรอีกด้วย คุณแซมได้บอกว่าการปลูกแบบนี้เพราะผักกินเพื่อสุขภาพ จึงต้องมีความปลอดภัยและสะอาดตั้งแต่การปลูกและวัตถุดิบในการใช้ปลูก จากการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ทำให้ไม่มีสารตกค้างในผัก สามารถควบคุมปริมาณน้ำ สารอาหาร ได้ตามความต้องการของเรดโอ๊ค ช่วยลดแมลงและดูศัตรูพืชได้ง่าย นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่าการปลูกในดิน จากการที่ต้องควบคุมน้ำให้พอเหมาะในแต่ละวัน การปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ ทำให้คุณแซมสามารถปลูกได้ทุกฤดูกาลทั้งปีแค่เพียงแสงแดดและน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญของการปลูก ที่สำคัญคือการให้ธาตุอาหารของเรดโอ๊คที่ต้องละลายให้ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งแบบนี้สามารถควบคุมให้ได้ง่ายมากขึ้น หากเรดโอ๊คได้รับธาตุอาหารในปริมาณที่มากไป จะส่งผลในเรื่องการตกค้างของธาตุอาหารจะสะสมในต้นเรดโอ๊คจากดีกลายเป็นเสียก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำคนเดียว ในการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์จะช่วยประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในเรื่องดิน ยากำจัดแมลง และอาจทำให้ผักเรดโอ๊คส่งผลเสียต่อลูกค้าเป็นอย่างมาก