พืชหลากหลายชนิดที่อยู่ใกล้ตัว สามารถดึงดูดให้ผู้คนหันมาทำการเกษตรกันมากขึ้น และเกษตรกรเหล่านี้มักเลือกปลูกพืชที่ใกล้ตัว ต้นทุนต่ำ กำไรสูง ปลูกง่าย ได้ผลผลิตเร็ว ผักผลไม้ที่มีอนาคต และขายได้ราคา ที่สำคัญมีตลาดรองรับแน่นอน และนอกจากจะขายตามสวนตามไร่หรือที่หน้าร้านแล้ว ยังขายผ่านช่องทางออนไลน์อีกด้วย อีกทั้งใช้การปลูกแบบโรงเรือน เเละบางคนอาจจะปลูกพืชตามสภาพเศรษฐกิจ หรือเพื่อไว้หรือปลูกส่งผลผลผลิต และการปลูกไว้เพื่อรับประทานเองในครอบครัว เพราะจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัว ลดค่าใช้จ่ายในบ้าน เพื่อสามารถนำเงินส่วนนั้นไปใช้ในอนาคตได้
สิบเอก นภสินธุ์ ศรีอ่วมบู่ อายุ 23 ปี มีอาชีพหลักคือรับราชการทหาร เล่าว่า ครอบครัวของตนทำธุรกิจเพาะถั่วงอกขายมาแล้ว 4 รุ่น นานกว่า 40 ปี โดยที่เจ้าตัวเป็นรุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นการสืบทอดธุรกิจของครอบครัว ในการเพาะถั่วงอกขายเพราะนอกจากจะเป็นการสืบทอดธุรกิจต่อจากครอบครัวเเล้ว ถั่วงอกยังเป็นรายได้หลักของครอบครัวอีกด้วย ถั่วงอกยังสามารถขายได้กำไรดี ที่มีต้นทุนต่ำ ได้กำไร 35,000-41,000 บาทต่อเดือน และสามารถปลูกในพื้นที่เล็กๆ หรือพื้นที่ ที่มีจำกัด สามารถปลูกเองได้ง่าย
เช่นเดียวกับ ร้อยตำรวจเอกพิฆเนศ เตรียมเกิดทรัพย์ หรือคุณแซม ที่ประกอบอาชีพหลักคือรับข้าราชการตำรวจในบังคับการพิเศษ (ตำรวจคอมมานโด) ได้เล่าว่า ตนมีอาชีพเสริมที่สามารถสร้างรายได้ให้ตนอีก 1 ทางอีกด้วย คือการทำเกษตรและด้วยเป็นคนที่รักสุขภาพ จึงทำการปลูกขายเรดโอ๊ค จากการทำได้รับกำไรจากต้นเรดโอ๊คต้นเดียวถึง 10 เท่าตัว ด้วยการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ ที่ทำให้มีผลผลิตและได้กำไรอย่างที่ต้องการ ปีหนึ่งปลูก 5 รอบ ได้เกือบ 20,000 บาท เพราะว่ามีอยู่แปลงเรดโอ๊คอยู่แปลงเดียว ส่วนกำไรที่ได้ต่อแปลง อย่างน้อย 4,000 กว่าบาท ถือว่าสามารถเก็บเงินไว้ใช้ในอนาคตได้ โดยทั้ง 2 คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การปลูกพืชที่อยู่ใกล้ตัวนั้น สามารถทำให้มีกำไรเลี้ยงชีพเเละครอบครัวของตนได้ยาวไปจนถึงในอนาคต
คุณพรทิพย์ ยังวิเศษสุข หรือคุณนุช ผู้ที่จบปริญญาตรี Film Production และปริญญาโทบริหาร ผู้ปลูกเบบี้เเครท กล่าวว่า ที่ตนเริ่มมาเป็นเกษตรกรเพราะเป็นห่วงสุขภาพคนในครอบครัว โดยไม่หวังกำไรจากเม็ดเงินเพราะกำไรที่แท้จริง คือ การคนในครอบครัวมีสุขภาพที่ดี โดยเจ้าตัวเห็นคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ที่ไม่สบาย หลานที่กำลังโตอยู่ในช่วงเจริญอาหาร อยากให้รับประทานผักที่มีคุณภาพ ปลอดสารพิษ และดีต่อสุขภาพ เลยหันมาปลูกเบบี้เเครท กลายเป็นว่าจากที่เริ่มจากคนใกล้ตัว เมื่อผลตอบรับดี คุณนุชจึงสร้าง Facebook Fanpage ชื่อว่า ‘Nuch Garden’ เพื่อขายโดยเฉพาะ และทำการโฆษณาโปรโมทช่วงที่มีผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ มีตั้งแต่วัยทำงาน อายุ 30 ต้นๆ ไปจนถึงอายุ 60 และผู้ป่วยมะเร็ง ประมาณ 70% ที่มาอุดหนุนซื้อผักทั้งใน Facebook และที่สวนของตน
ส่วนคุณกนิษฐา วังสำเภา หรือคุณ จิ๊บ ประกอบอาชีพหลักเป็น ครูวิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ ที่ปลูกหอมไร้ดินในเเผงไข่เพราะต้องการเซฟค่าใช้จ่ายภายในบ้าน โดยเจ้าตัวเล่าว่าตนเองเป็นคนชอบรับประทานไข่ ทำให้มีแพงไข่ในบ้านเยอะเลยนำมาปลูกหอมแดง เพื่อลดขยะอีกวิธีหนึ่งและไข่ 1 แผง จะมีประมาณ 30 รู จะได้หอมแดงทั้งหมด 30 ต้น 15-20 วัน สามารถนำไปประกอบอาหารได้ ถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และการปลูกผักยังเป็นการพักผ่อนอีกรูปแบบหนึ่ง แถมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในแต่ละวันได้
คุณอนันต์นำโชค กัญญาพงษ์ เจ้าของร้านขายอุปกรณ์การเกษตรและเจ้าของสวนพริกขี้หนูสวน ได้เผยว่า ตนทำงานที่ร้านขายอุปกรณ์การเกษตรเเล้วเห็นต้นกล้าของพริก อยากทดลองปลูก โดยดูลูกค้าที่มาซื้อของตนที่ร้านขายอุปกรณ์การเกษตร ว่าสนใจอะไร จึงได้เห็นเเละมาทำฟาร์มพริกขี้หนูสวน ซึ่งตนมีรายได้จากการทำฟาร์มพริกขี้หนู อยู่ที่ประมาณเดือนละ 520,000 บาทต่อเดือน แต่การปลูกต้นกล้าของพริก ไม่ได้ง่ายเลย เพราะต้องดูเเลเอาใส่ใจ เเละความอดทนของตนจึงทำให้มีรายได้มหาศาลและปัจจุบันพริกนั้นมีราคาสูงเพิ่มอีกเท่าตัว
ทางด้านคุณพรทิพย์ อินทจักร์ อายุ 53 ปี เจ้าของฟาร์มต้นอ่อนทานตะวัน by ป้านาง เริ่มจากการทดลองปลูกให้ทางครอบครัวรับประทานก่อน เพราะเเต่ก่อนที่บ้านตนทำอาชีพ เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถ เเต่เมื่อมาทดลองปลูกเจ้าต้นอ่อนทานตะวันเเล้ว ได้ผลผลิตดี ต้นทุนตำ เเล้วลองทดลองการ แล้วได้กำไรดี ซึ่งหลักมาทำเป็นอาชีพหลัก แล้วจึงเลิกทำอู่ซ่อมรถไป ตนยังเผยต่อว่า ตนมีรายได้จากการเพาะต้นอ่อนทานตะวัน และจำหน่ายต้นทานตะวันอ่อน 1 กิโลกรัม จะอยู่ที่ราคา 60 บาท ออเดอร์ที่เข้ามาสูงสุดต่อวันจะอยู่ที่ 200 กิโลกรัม จะอยู่ที่ 12,000 บาท และรายได้ต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 บาทโดยประมาณ จึงเป็นรายได้หลักของครอบครัวในขณะนี้
คุณสุชาติ จันทฤก อายุ 50 ปี อาชีพเกษตรกร ได้เห็นโอกาสในการปลูกดอกอัญชันเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการหารายได้นอกจากการทำนา ปลูกข้าวขายเพียงอย่างเดียว เป็นตัวเลือกในการช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงที่ต้องพักนา เเละเมื่อทดลองปลูกและได้ขายสำหรับราคาดอกอัญชันที่อบแห้งในปัจจุบันประมาณ 200 บาทขึ้นไป และมีช่วงนึงราคาสูงถึง 400 กว่าบาท แต่สำหรับคนกลาง หรือพ่อค้าจะได้ราคาที่มากกว่าเกษตรกร ในราคา 200 บาทต่อกิโลกรัมอากาศในช่วงหน้าหนาวยังเป็นปัญหาที่ทำให้ดอกอัญชันออกดอกน้อย ดอกที่เล็กลง แต่คนยังต้องการเป็นจำนวนมากทำให้ราคาที่ขายขึ้นสูง จากในช่วงปกติจาก 100 บาท ในตอนนี้ขึ้นเป็น 200 บาทต่อกิโลกรัม ยังคงเป็นที่ต้องการอยู่ในขณะนี้ จึงทำให้เป้นรายได้หลักอีกทางนึงของครอบครัว
พืชต่างๆ ทั้ง 7 ชนิด ทำให้พบว่า ยังมีพืชพันธุ์อีกมากมายหลายชนิด ที่อยู่ใกล้ตัว พืชบางชนิดที่คนส่วนใหญ่มองข้าม อาจจะสร้างรายได้ให้กำไรงามอย่างที่คาดไม่ถึง และติดกับสถานการณ์ปัจจุบันในขณะนี้ ได้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ทำให้การค้าขาย บางที่อาจจะกลับปิดตัวลง เศรษฐกิจน่าเป็นห่วง โดยพืชบางชนิด ในเศรษฐกิจมีทั้งดีและไม่ดี ยกตัวอย่าง ในขณะนี้ราคาของพริกขี้หนูสวน มีราคา 135 ต่อ 1กิโลกรัม ซึ่งมีราคาเเพงสุดของพระทุกประเภท นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ ทุกคนพากันหันมาหารายได้จากการปลูก หรือปลูกผักรับประทานเอง อาจจะทำให้เราสามารถเซฟค่าใช้จ่าย และยังเพิ่มรายได้ให้ตนเองและครอบครัวอีกด้วย