ตอนนี้กระแสพ่อค้า “แซ่บ” กำลังมาแรงมาก!! เพราะถ้าร้านไหนมีพ่อค้าที่ “แซ่บ” เขาว่ากันว่าร้านนั้นจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่ากันเลยที่เดียว ดังนั้นเราจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าที่ขายดีนั้นเป็นเพราะ “พ่อค้าแซ่บ” หรือมีปัจจัยอย่างอื่นที่ส่งผลทำให้ธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จ
คุณปิยวัฒน์ เจ้าของร้าน Selektiv เป็นร้านขายรองเท้าสำหรับกลุ่มคนที่ชื่นชอบในการใส่รองเท้า Lifestyle ที่ส่งตรงมาจากสหรัฐอเมิรกา ญี่ปุ่น และเวียดนาม โดยร้านมี 2 สาขา สาขาแรกตั้งอยู่ที่สยามฯ ซอย 2 และสาขา 2 อยู่ที่ Digital Gateway เอกมัย ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับความแซ่บ ว่ามีผลต่อการสร้างกำไรในร้านค้าหรือไม่? สำหรับเขาแล้ว กำไรจากการขายสินค้าไม่ได้มาจากความ “แซ่บ” บนใบหน้าของเขา แต่มาจากสินค้าดีที่มีคุณภาพ การให้บริการที่ลูกค้าพึงพอใจ และการแต่งตัวของเขาที่ลูกค้าบางกลุ่มเห็นแล้วเกิดความประทับใจ จนเกิดการแต่งตัวเลียนแบบ ส่งผลให้ร้านมียอดขายที่ดี กลุ่มเป้าหมายของร้านมีตั้งแต่วัยรุ่นถึงวัยคนทำงาน โดยเฉลี่ยทางร้านมียอดขายสูงสุดทั้ง 2 สาขา ประมาณ 100,000 บาท/เดือน แต่ในช่วงหน้าฝนมีรายได้ลดลงประมาณ 30,000 บาท/เดือน เนื่องจากลูกค้าไม่สะดวกในการเดินทาง
“ความ “แซ่บ” ในตัวพ่อค้านั้นไม่มีส่วนอะไรมากในธุรกิจ แต่จะเน้นไปที่การแต่งตัว ที่แสดงให้เห็นถึงสไตล์ความเป็นเจ้าของแบรนด์ร้านรองเท้า Selektiv และคำนึงถึงหัวใจของการบริการ เพื่อสร้างความประทับใจที่ยาวนาน” คุณปิยวัฒน์ได้กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ในมุมของการตลาดนั้น การเลือกใช้สื่อเป็นสิ่งสำคัญ เราจะต้องใช้สื่ออย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสื่อมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ เนื่องจากการสื่อสารที่นำเสนอผ่านสื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายได้รู้จักธุรกิจนั้นๆ หากผู้สื่อสารเข้าใจถึงขั้นตอน และวิธีการเข้าถึงสื่อ และพฤติกรรมผู้บริโภค ย่อมมีส่วนทำให้ยอดขายของธุรกิจสูงขึ้น
อาจารย์กานต์ เชาวน์นิรัติศัย อาจารย์ประจำนิเทศศาสตร์ กล่าวว่า สำหรับคนไทยนั้นมีพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนประเทศอื่นๆ คือ การกิน หากสังเกตจะพบว่าคนไทยรักในการกิน กินได้ตลอด 24 ชั่วโมง จะเห็นได้ว่าไม่ว่าคุณจะเดินไปซอกมุมใด ซอยใด ก็มักจะมีร้านอาหาร ร้านข้าวต้ม ร้านบะหมี่ เปิดอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง สิ่งเหล่านี้เกิดจากพฤติกรรมของคนไทย สำหรับกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา รวมถึงกลุ่มคนทำงาน (First Jobber) นั้น จะอัพเดตตัวเองให้อยู่ในกระแสอยู่ตลอดเวลา กล้าลองกล้าซื้อสิ่งใหม่ๆ สินค้าอะไรที่อยู่ในกระแสจึงมียอดขายที่สูง แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ยังคงต้องพิสูจน์ คือ สินค้าที่เป็นกระแส มักมีวงจรชีวิตที่สั้น (Product Life Cycle) ราวกับฟองสบู่ ผู้บริโภคเลือกซื้อเพียงแค่ลอง ลองแล้วสูญหายไปจากเมืองไทยมีให้เห็นเรื่อยไป เช่น ไอศครีมไข่ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ เป็นต้น
“คำว่า “พ่อค้าแซ่บ” นัยยะของคำๆ นี้สะท้อนถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ความ “แซ่บ” ของพ่อค้า เป็นแม่เหล็กดึงดูดได้เฉพาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และลูกค้าที่เข้ามาอาจมาเพียงแค่ลอง/ชิม และสัมผัสดูว่าพ่อค้า “แซ่บ” จริงหรือไม่ อาจไม่ได้สนใจถึงสินค้าอะไรมากมาย ดังนั้นหากพ่อค้าต้องการให้ธุรกิจ “แซ่บ” ในระยะยาวอาจต้องคำนึงถึงการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพ รสชาติอาหาร และบริการที่ดี (อย่างสม่ำเสมอ) เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ศึกษาถึงแนวโน้มทางธุรกิจ คู่แข่ง ปัจจัยเหล่านี้
จะทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอมากกว่าแค่การขายความ “แซ่บ” ของหน้าตา”
ปัทมาพร โพจันทร์ , อรอนงค์ วงศ์สิงหะกุล , พรทิพย์ อุทัศ
