อาจารย์วิวัฒน์ ไม้แก่นสาร รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะนวัตกรรมการจัดการเกษตร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เผยถึงกลยุทธ์ในการทำเกษตรแนวใหม่ว่าต้องเริ่มพัฒนาที่ตัวคนก่อน ให้มีความรู้พร้อมทั้งเปิดรับเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่จะเข้ามาต้องเข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ไม่ใช่ให้เป็นเพียงแค่การถือครองที่ดินแต่ให้เป็นโครงสร้างการจัดการการใช้ที่ดินใหม่ ต้องเรียนรู้การจัดการในรูปแบบห่วงโซ่อุปทานซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างตลาดโรงงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงเกษตรที่เป็นแหล่งวัตถุดิบต้นแบบและต้องรู้ว่าตลาดต้องการอะไร สิ่งที่ผลิตจึงจะเป็นที่ต้องการในระบบธุรกิจเกษตร ทุกคนต้องร่วมมือกัน ทั้งในกลุ่มของเกษตรกร รวมถึงในกลุ่มอุตสาหกรรมด้วย ไม่มีการแข่งขัน ทุกคนเป็นคู่ค้ากันทั้งหมด จึงจะส่งผลให้การทำเกษตรประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพสูงสุด
การทำเกษตรแนวใหม่อาจถือได้ว่าเป็นการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้ามาสู่กระบวนการผลิต เพื่อให้เกิดความแม่นยำมากขึ้น ลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร การทำเกษตรแนวใหม่จำเป็นต้องสร้างคนให้มีความรู้ความเข้าใจต่อระบบการจัดการในรูปแบบใหม่ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและต้องมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยควบคู่กับการจัดการที่ดี ต้องมีบุคลากรที่มีคุณภาพ มีต้นทุนที่เพียงพอต่อการผลิต รวมไปถึงต้องมีความพร้อมในการรับมือกับการแข่งขันทางด้านการทำเกษตรที่สูงขึ้นของประชาคมอาเซียน
นอกจากนี้เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้แนวความคิดของเกษตรแนวใหม่ แต่จะต้องนำรูปแบบมาพัฒนาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย โดยนักวิชาการนักเกษตรและเอกชนต้องเข้ามาช่วยกันคิดพิจารณาส่วนในเรื่องที่ว่าก
ารพัฒนานี้จะไปได้ไกลแค่ไหน สิ่งใดก็ตามที่มีความจำเป็นต้องใช้เมื่อได้รับการพัฒนาที่ตรงจุดและถูกเวลา จะสามารถก้าวหน้าต่อไปได้
ในเรื่องของความร่วมมือในการทำเกษตรแนวใหม่แท้จริงแล้วเป็นเพียงการที่นักลงทุนของประเทศไทย เข้าไปลงทุนทำการเกษตรในต่างประเทศ ซึ่งประเทศเหล่านั้นมีพื้นที่ที่มีศักยภาพ ดินดี น้ำดี เหมาะสมกับการทำเกษตร เวียดนาม ถือเป็นคู่แข่งทางการค้าที่สำคัญของประเทศไทย เนื่องจากมีการพัฒนาเกษตรแนวใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
และมีการลงทุนในเรื่องของนวัตกรรมรูปแบบใหม่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เราต้องตามให้ทันและฉลาดพอที่จะใช้เทคโนโลยี.
