ปัจจุบันรูปร่างหน้าตาเป็นสิ่งแรกที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ทำให้ผู้คนเริ่มมีพัฒนาการและให้ความใส่ใจในเรื่องของรูปร่าง และหน้าตามากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง บางคนก็มี Idol หรือที่เราเรียกกันว่า บุคคลตัวอย่างที่เราอยากจะเป็นแบบเขาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแต่งตัว การดูแลตัวเอง หรือปัจจัยอื่นๆ เช่น ทรงผม ผิวพรรณ รูปร่าง ความสูง เป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้ช่วยสร้างเสริมความมั่นใจให้กับคนในสังคมเพราะทุกคนจะเข้าใจว่ายิ่งเรามีบุคคลิกภาพที่ดีเท่าไหร่ การเข้าสังคมหรือการอยู่ในสังคมก็จะยิ่งง่ายมากขึ้นเท่านั้น รวมไปถึงในเรื่องของโอกาส โอกาสในการทำกิจกรรม การเรียน การทำงาน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดคำว่า Fashion และ Social ซึ่งนั่นแปลว่ามนุษย์เรามีการพัฒนา เราเริ่มมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยส่งเสริมสังคมและประเทศ แต่ในขณะเดียวกันที่สังคมโลกเริ่มพัฒนา ปัจจัยด้านลบในจิตใจมนุษย์กลับยิ่งเพิ่มขึ้น จริงๆผู้คนให้ความสนใจในเรื่องของรูปลักษณ์ หน้าตา และร่างกาย ของตนเอง แต่ความเป็นจริงแล้วผู้คนส่วนใหญ่กลับไม่ได้ใส่ใจแค่เพียงร่างกายตนเองแต่ยังใส่ใจรูปลักษณ์ของคนอื่นด้วย นี่คือจุดเริ่มต้นของคำว่า Body Sharming คือการใช้คำพูดเพื่อทักท้วง หรือ วิพากษ์วิจารณ์ รูปลักษณ์ของคนอื่น เช่น อ้วนไป ผอมเกิน ดำตับเป็ด เตี้ย สูงเหมือนกินเสาไฟฟ้า เป็นต้น หากมองกันจริงๆจะเห็นว่าการกระทำที่เรียกว่า Body Sharming เป็นเรื่องปกติทั้งที่มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะในเมื่อทุกคนอยากที่จะได้รับการยอมรับหรือการได้รับเกียรติจากผู้อื่นนั้น เราก็ต้องให้เกียรติเขาก่อน บางคนอาจบอกว่าแค่แซวกันเล่นๆรู้จักกัน แต่รู้หรือไม่ว่ายิ่งรู้จัก ยิ่งไม่ควรทำ และหากคุณไม่ได้รู้จักเขาแต่คุณยิ่งไป Body Sharming เขาอีก ถ้าพูดตามความเป็นจริงคือคุณไม่มีสิทธิ์ทำกับเขาแบบนั้น เคยได้ยินไหม “ไม่รู้จักกัน แล้วมาทำร้ายฉันทำไม” คุณพูดสนุก แต่คนฟังเขาสนุกกับคุณหรือเปล่า เคยทำถามเขาไหม ? บางครั้งคุณเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำพูดที่คุณวิพากษ์วิจารณ์รูปลักษณ์ของเขานั้นเขาคิดยังไงกันแน่ นี่จึงเป็นเหตุผลว่า “ทำไมเราจึงต้องคิดก่อนพูด” ร่างกายเราไม่ใช่ร่างกายเขา และ ร่างกายเขาก็ไม่ใช่ร่างกายเรา
เพราะฉะนั้นตัวเราเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปวิจารณ์รูปลักษณ์หรือร่างกายใครคนอื่นก็เช่นกัน อย่างน้อยที่ทุกคนควรรู้คือ คนเรามีเกียรติและเราก็สมควรที่จะได้รับเกียรติเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างก็อยู่ที่ตัวเราด้วยว่าเราเลือกที่จะเป็นแบบไหน ทั้งคนที่ Body Sharming คนอื่น และคนที่ถูก Body Sharming ทุกคนควรรู้ว่าการกระทำไหนควรไม่ควร รวมไปถึงความแข็งแกร่งในเรื่องร่างกายและจิตใจสำหรับคนที่ถูก Body Sharming คุณสามารถเก็บคำวิจารณ์ของผู้คนเหล่านั้นมาได้ แต่คุณต้องเก็บมาพิจารณาด้วยเหตุและผลว่าสิ่งที่เขาพูดมันเป็นคุณจริงๆไหม จริงๆมันไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเรา และไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวคุณ ทุกคนรู้อยู่แก่ใจตัวเองว่าเรากำลังทำอะไร แต่สองสิ่งหลักๆที่คุณต้องมีในชีวิตเมื่อคุณต้องเจอเหตุการณ์ Body Sharming
คือ 1.สติ และ 2.การควบคุมอารมณ์
อย่าลืมว่าความแข็งแกร่งภายในจิตใจเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต การใช้คำพูดก็เช่นกัน
“ใจเขา ใจเรา” แล้วชีวิตเราจะไม่หนัก และสบายใจ
